Sep 29, 2008

วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด



ถ้าเรารู้สึกไม่ชอบหน้าใครสักคนหนึ่งแต่จำเป็นต้องอยู่
ทำงานด้วยกันในที่ทำงานเดียวกันทุกๆ วัน ผมควรจะวาง
ตัวอย่างไรดีครับมันอึดอัดไปหมด ไม่มีความสุขเลย
ตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงานร่วมกันคนคนนี้
==========================
วิสัชนา โดย ว.วชิรเมธี

รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี
ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่ง
ก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า

ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆตื่นๆอยู่ในความรัก
โลภ โกรธ หลง หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้ ริษยา
เจ้านายใส่ไคล้ลูกน้อง
ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)

คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเลยว่า
อะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง คิดดูเถิดว่า เรา
จะขาดทุนขนาดไหน ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียน
บทกวีไว้ว่า

''น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่าง
ความฝัน
ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มี
งานใด''

คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ
ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก เพราะถ้า
เราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไป
ไม่รู้จบ กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนั
หนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่
ชอบใคร หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง แต่เราเกิด
มาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดี
กว่าชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่
เราควรทำ

นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า เราได้ทำอะไร
ไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสีย
อยู่ในตัวเอง ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขาจิตใจ
ของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้

เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็น
เวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า

บางที่คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้นเขาไม่
เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลยเราเผาตัวเราเองอยู่
ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคือง และอารมณ์เสีย
วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมี
คุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย

ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า

คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสีย
ทั้งหมดหรอก เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยว
เดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว มาเสียเวลา
กับเรื่องไร้สาระทำไม อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อย
วางเสียบ้าง ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่
อะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย มุ่งไปข้างหน้า
ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า

วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า ''การกลับมา
อยู่กับตัวเอง'' กล่าวคือ ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู
กับคนที่ไม่ถูกโฉลก แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับ ความ
รู้สึกแย่ๆไปตลอด ก็ควรหันกลับเข้ามา ''มองด้านใน''
แก้ไขที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่น เพราะยิ่งพยายาม
แก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห ยิ่งเราให้ความ
สำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด สภาพจิตใจก็ยิ่ง
แย่ลงมากเท่านั้

วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็
ปฏิปักษ์ก็คือ การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่เรา
ทุกขณะ

Fw. Mail

ผักต่างสี.....มีดีต่างกัน



ผักสีเขียว เป็นผักธรรมดา ทั่ว ๆ ไปที่มีมากที่สุด
ในโลก สีเขียวมาจากคลอโรฟิลล์ ซึ่งดีสำหรับดวงตา
ผักสีเขียวส่วนมากเป็นผักกินใบ ผักตระกูลบวบ (Gourd)
ซึ่งรวมผักจำพวกแตง และซูกินีด้วย ผักประเภทนี้มีสรรพ
คุณในการขับปัสสาวะ

ผักสีขาว กะหล่ำปลี ถือเป็นผักสีขาว (แม้จะมีสีเขียว
อยู่บ้างก็เป็นสีเขียวอือนตรงโคนกาบ) เป็นผักที่รู้จักบริโภค
กันทั่วโลก เป็นผักที่มีสารต้านมะเร็ง และมีคุณสมบัติในการ
ย่อยอาหาร
ในเกาหลี ปลูกกะหล่ำปลีมากที่เกาะเซจู กะหล่ำปลี
ชอบดินทราย และอากาศเย็น (ระหว่าง 15 - 20 องศา)
ปัจจุบันที่เกาะเซจูแห่งนี้นับเป็นแหล่งผลิตกะหล่ำปลีที่ใหญ่
ที่สุด มีพื้นที่ปลูกประมาณ 1,500 เฮคแตร์ หรือ ประมาณ
9,375 ไร่ และสามารถจะปลูกกะหล่ำปลีได้ตลอดทั้งปี

ผักสีแดง มะเขือเทศจัดอยู่ในประเภทผักสีแดง สีแดง
มาจากไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งช่วยชะลอความแก่ และ
เมื่อหลายปีก่อนมีบทความทางวิชาการยืนยันว่า ไลโคปีน
สามารถป้องกันมะเร็งในตับอ่อนได้ ทำให้ผู้คนหันมาสนใจ
บริโภคมะเขือเทศกันมากขึ้น




ผักสีม่วง สีม่วงในมะเขือม่วง ซึ่งเป็นผักในตระกูล
มะเขือยาว (Aubergines) จะมีสีม่วงเข้ม บางครั้งดู
เหมือนจะเป็นสีดำ สีม่วงเข้มดังกล่าว มาจากสีของแอน
โธไซยานิน (Anthocyanin) ที่อยู่ในผัก แอนโธไซยานิน
มีคุณสมบัติในการป้องกันสารอันตรายไม่ให้สะสมในเส้
เลือด ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และเส้น
เลือดในสมองแตก สารที่มีอยู่ในมะเขือม่วงนี้เรียกว่า
"สโคโพเลติน" (Scopoletin) และ "สโคโพเลติน" ช่วย
ยับยั้งการเกร็งของกล้ามเนื้อในร่างกาย ด้วยเหตุนี้จึง
แนะนำให้รับประทานมะเขือม่วงเพื่อรักษาอาการทาง
ประสานด้วย

ผักสีเหลือง พริกยักษ์หรือพริกหวาน มีหลายสี ทั้ง
เขียว แดงและเหลือง สีเหลืองของพริกหวานประกอบด้วย
เบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) ซึ่งเป็นตัวควบคุมการเพิ่ม
ออกซิเจน หรือ Oxidation ของสารในร่างกาย ซึ่งจะมี
ผลต่อการชะลอความแก่ และ ป้องกันมะเร็ง

นอกเหนือจากพริกหวานแล้ว ผักที่มีสีเหลือง หรือผัก
ที่มีเบต้าแคโรทีนสูงอีกบางชนิดที่น่าจะจัดอยู่ในผักสีเหลือง
ได้ คือ ฟักทองและแครอท โดยเฉพาะแครอทนั้น แม้ไม่ใช่
ผักของไทย แต่ก็มีปลูกกันมากแล้ว โดยเฉพาะทางพื้นที่ที่
สูงในภาคเหนือ

ที่มา: ข่าวสารสมาคมพืชสวน

Sep 28, 2008

นกยูงเผือก สวยมาก











คึ่นไฉ่ ผักสมุนไพรช่วยคุมกำเนิด



ฤทธิ์และปรโยชน์ทางยาของคึ่นไฉ่:

1. ลดปริมาณการสร้างอสุจิ และลดอัตราการตั้งท้อง

จากการวิจัยพบว่าต้นคึ่นไฉ่และเมล็ดคึ่นไฉ่ มีฤทธิ์ลด
ปริมาณเชื้ออสุจิในสัตว์ทดลองตัวผู้ และลดอัตราการ
ตั้งท้องของสัตว์ตัวเมีย ได้มีการทดลองในคนโดยให้
ชายไทย 7 คน รับประทานคึ่นไฉ่ในรูปอาหาร คนละ
85 กรัม/วัน พบว่าจำนวนอสุจิลดลงอย่างรวดเร็วภาย
ใน 1-2 สัปดาห์ ในเวลาต่อๆมาจำนวนอสุจิจะลดลงอีก
เล็ก น้อย และจะคงที่ในระดับหนึ่ง หลังจากหยุดรับประทาน
5-8 สัปดาห์ พบว่ามี 4 คนกลับคืนสู่สภาพปกติ อีก 3 คน
ยังคงมีจำนวนอสุจิต่ำกว่าเมื่อก่อนรับประทานคึ่นไฉ่
ฤทธิ์ในการคุมกำเนิดน่าจะเป็นฤทธิ์ในการลดอัตราการ
ตั้งท้องในสัตว์ตัวเมีย สำหรับฤทธิ์การลดจำนวนอสุจินั้น
อาจจะไม่พอเพียงที่จะคุมกำเนิดได้

2. ลดความดันโลหิต

การวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า น้ำต้มคึ่นไฉ่สามารถลด
ความดันโลหิตได้ภายใน 1 ชั่วโมง และฤทธิ์อยู่ได้นาน
กว่า 5 ชั่วโมง

3. ช่วยขับลม ขับปัสสาวะ

น้ำมันหอมระเหยในลำต้นและใบ มีฤทธิ์ช่วยขับลมใน
กระเพาะและลำไส้ ทำให้หายจุกเสียดแน่น และพบว่า
คึ่นไฉ่ยังมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะได้เล็กน้อยอีกด้วย


ที่มา: หนังสือสมุนไพรน่ารู้ โดย รศ.ดร.วันดี กฤษณพันธ์

ที่มาของสำนวนไทย "ควันหลง"




สำนวนไทยคำว่า "ควันหลง" เป็นสำนวนที่ได้มาจากวง
นักเลงสูบฝิ่นหรือกัญชา เพราะพวกนี้จะเข้าใจคำว่า
"ควันหลง" เป็นอย่างดีที่สุด หมายความถึงควันที่หลง
เหลืออยู่ในบ้องกัญชาหรือกล้องสูบฝิ่น ภายหลังที่สูบแล้ว
คนที่ไม่เคยสูบเมื่อได้เห็นเข้าก็มักอยากลองสูบ หรือลอง
ดูดดูว่าจะมีรสชาดเป็นฉันใด ครั้นดูดดูเล่นๆนึกว่าเป็น
กล้องเปล่า แต่กลายเป็นอัดเอาควันหลงเข้าไปเต็มปอด
เพราะยังเหลือค้างในกล้อง จะเกิดความมึนเมาขึ้นทันที
ทันควัน

ในทางสำนวนหมายถึงผู้ที่ไม่ได้เป็นตัวการ แต่พลอยถูก
กระเส็นกระสายในเรื่องร้ายๆ ที่เขาก่อกันขึ้นไว้เป็นการ
ใหญ่ แล้วพลอยถูกเกาะกุมตัวไปด้วยภายหลัง โดยสำนวน
จึงหมายถึงว่าผู้นั้นโดนเอาควันหลงเข้าให้แล้ว

ที่มา: ปัญหาสอบเชาวน์ และ ความรู้รอบตัว
โดย ชาลี เอี่ยมกระสินธุ์

มะขามดิบขัดฟัน




ควันบุหรี่มียางชนิดหนึ่ง ผ่านที่ไหนก็เกาะเป็นคราบที่นั่น
ไม่ว่าที่ฟันหรือในปอด ในปอดนั่นเลิกสูบเสียนะแหล่ะ
ปอดจึงจะพอสะอาดขึ้นมาได้มั่ง และมันก็อยู่ในตัวควัก
ออกมาให้ดูไม่ได้ แต่ฟันที่เป็นด่านหน้านั่นซี อ้าปากเมื่อ
ไหร่ก็อาจเห็นคราบบุหรี่เมื่อนั้น หมอฟันขัดฟันให้คุณได้
แต่ถ้าอยู่ห่างหมอก็เห็นจะต้องพึ่งสมุนไพร ก็มะขามนั่นไง
มะขามดิบทั้งฝัก ตัดทางขวาง เอามาขัดๆ ถูๆที่ฟัน คราบ
บุหรี่หรือคราบสกปรกอื่นๆจะหมดไป ฟันสดใส แวววาม
ขึ้นมาทันตาเห็นเลย ไม่เชื่อลองดู

ที่มา: สมุนไพรให้คุณค่า ชุดที่2 โดย จุก เบี้ยวสกุล

ชอบหรือไม่ชอบออกกำลังกาย ต้องอ่าน

รู้อยู่เต็มอก ว่าถ้าพ้นวัยใส สู่วัยกลาง และวัยโรย ต้องออก
กำลังกาย แต่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา โรคไม่ถามหาไม่
สนใจดูแล

ออก กำลังกาย ไปฟิตเนส เข้ายิม ฟังดูดี แต่ไม่มีใครอยาก
เหนื่อย ต้องเตือนตัวเอง บังคับตัวเอง ต้องทำให้ได้ หากยัง
ไม่เชื่อ ลองอ่านข้อดี ๆ ของการออกกำลังกายสม่ำเสมอว่า
ดีอย่างไร




1.การออกกำลังกาย ลดระดับโคเลสเตอรอล

ตอนหนุ่มตอนสาวโคเลสเตอรอลมักไม่ใช่ปัญหา
ใหญ่หลวงอะไร แต่มันมักจะเพิ่มขึ้นตามอายุของเรา
ที่แย่กว่านั้นมันเพิ่มเจ้าตัวร้ายที่เรียกว่า LDL
โคเลสเตอรอล ส่วนเจ้าตัวไขมันดี HDL ก็จะลดน้อย
ถอยลงไป ในทางกลับกัน ความเสี่ยงจากโรคหลอด
เลือดหัวใจก็จะเพิ่มมากขึ้น
ยืนยันด้วยผลวิจัยในประเทศ เดนมาร์ก จากหนุ่ม
เดนนิช 835 คน ที่ออกกำลังกายไม่มากนักแต่สม่ำ
เสมอ ปรากฏว่า HDL สูงกว่าค่าเฉลี่ย ทุกคน (HDL
โคเลสเตอรอล ยิ่งสูงยิ่งดี) ส่วนอีกชิ้นงานวิจัย คน
4,700 คน ปรากฏเช่นเดียวกันว่าค่าเฉลี่ย HDL สูง
กว่าค่าปกติ 4.6% ซึ่งทำให้ปลอดภัยจากโรคหัวใจ

2 .ลดระดับ ไตรกลีเซอร์ไรด์

ไตรกลีเซอร์ไรด์ ไขมันตัวร้ายอีกตัวที่มาจากกลุ่ม
อาหารไขมันพืช และพวกเบเกอรี่ หากมีมากหัวใจเรา
ก็ไม่ปลอดภัย แต่ชายหนุ่มที่ฟิต ดูแลสุขภาพ
ไตรกลีเซอร์ไรด์จะต่ำ อยู่ในเกณฑ์ที่ร่างกายปลอดภัย

3.ลดความเสี่ยง ความดันสูง

ความดันโลหิตสูง ฆาตกรเงียบตัวจริง ไม่มีการเตือน
ตัวการเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจวายและหลอดเลือด
สมองแตก ปกติความดันโลหิต จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเราแก่
ตัวขึ้น แต่ไม่เสมอไป จากการวิจัยกลุ่มคนอายุ 18 – 30
ปี ติดตามคนเหล่านี้ต่อเนื่องถึง 15 ปี ของสถาบันวิจัย
มหาวิทยาลัยมินนิโซต้า ได้ข้อสรุปว่า ถ้าคนเหล่านั้นยิ่ง
กระตือรือร้น ไม่ใช่พวกเฉื่อยแฉะ มีการออกกำลังกายบ้าง
จะสามารถลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง

4. ลดความเสี่ยง การอักเสบภายใน

วิทยาการด้านการแพทย์ปัจจุบัน รู้ว่าสาเหตุใหญ่ของ
การเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โดยเฉพาะ หลอด
เลือดหัวใจ ที่ฆ่าคนไปมาก เกิดจากการอักเสบภายใน
ระดับเซลล์ นักวิจัย Mayo Clinic ในเมืองโรเชสเตอร์
มินนิโซต้า วัดระดับความฟิตของผู้ออกกำลังกายแบบ
แอโรบิค เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ ปรากฏว่า ยิ่งฟิต
ค่าของการอักเสบในระดับเซลล์ยิ่งต่ำ ยิ่งลดความเสี่ยง
ของโรคหลอดเลือดอุดตัน

5.ยืดหยุ่นหลอดเลือดภายใน

สายพานรถยนต์ พลาสติกอุปกรณ์เครื่องใช้ มีอายุใช้
งานจำกัด ถ้าไม่ดูแลก็พังเร็ว กรอบแตก ต้องเปลี่ยนอะไหล่
แต่หลอดเลือดที่ใช้มานานก็มีโอกาส กรอบแตกได้เช่นกัน
แต่ไม่มีอะไหล่เปลี่ยน การออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายเรา
และระบบหลอดเลือดได้เปลี่ยนถ่ายออกซิเจนอย่างมี
ประสิทธิภาพ ทำให้หลอดเลือดยืดหยุ่นได้ดี โอกาสปริแตก
หรือฉีกขาดและถูกไขมันอุดตันก็ลดน้อยลง

6.ออกกำลังกายลดความเสี่ยงเบาหวาน

การบริโภคจนล้นเกินในปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจลดความอ้วน
เติบโตมหาศาล การออกำลังกายนอกจากช่วยลดน้ำหนักแล้ว
สามารถช่วยลดความเสี่ยงของน้ำตาลที่สูงเกินไปได้ดี แต่
คนอ้วนที่ออกกำลังกาย แม้น้ำหนักไม่ลดลงมาก ความเสี่ยง
ของโรคเบาหวานกลับลดลงได้ เพียงแต่เพิ่มการออกกำลัง
กายวันละ 30 – 40 นาที

7.ลดเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่

มะเร็งลำไส้ใหญ่ สาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ของคนสมัย
ใหม่ โดยเฉพาะผู้ชาย อาหารการกิน อาหารที่มีแต่เนื้อสัตว์
เป็นสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งของมะเร็งประเภทนี้ ทางเลี่ยง
แรกต้องหันไปหาผักผลไม้ อาหารที่มีกากไยให้ลำไส้ได้
สะอาด การออกกำลังกายเคลื่อนไหวร่างกายก็เป็นตัวกระตุ้น
ให้ลำไส้ได้เคลื่อนไหวทำงานได้ดี ช่วยลดความเสี่ยงจาก
มะเร็งลำไส้ใหญ่

8.กระดูกไม่เปราะ

อายุมากขึ้นไม่มีอะไรน่าพอใจ เพราะกระดูกก็จะบางลง
เช่นกัน ลองนึกดูบ้านหลังใหญ่ ๆ ที่สร้างมานาน ๆ แล้ววัน
หนึ่งเสามันผุกร่อน แล้วบ้านก็คงไม่เป็นบ้านเป็นแน่แท้
กระดูกคนก็เหมือนกัน ผลวิจัยที่ติดตามหนุ่มอายุ 40 ปี
ขึ้นไป จำนวน 3,262 คนถึงอายุ 60 ปี ปรากฏว่าคนที่ออก
กำลังกายสม่ำเสมอ โอกาสที่กระดูกหักมีน้อย

9.ออกกำลังกาย น้ำหนักลด พุงยุบ

กินเสร็จแล้วชอบนั่งผึ่งพุง โอกาสเพิ่มพุงมีสูง แต่ถ้ากิน
แล้วขยันเดินพุงจะยุบ ผลการศึกษาให้อาสาสมัคร 58 คน
แค่เดินวันละ 1,000 ก้าว (นับยังไง ก็ต้องติดตัวนับก้าวนะสิ)
แค่ 36 อาทิตย์ สามารถลดรอบเอวไปได้เป็นนิ้ว ถ้ายังไม่
พอใจก็ต้องออกกำลังเพิ่มมากขึ้น ยิ่งออกยิ่งยุบ มีคนทำ
ได้จริงมาเยอะแล้ว บางคน 10 บางคน 20 กก. จากการออก
กำลังกาย

10. ออกกำลังกายทำให้ อายุยืนตายช้า

ดูแลตัวเองดีขนาดนี้ แน่นอนว่าอายุยืนกว่าพรรคพวก
แน่นอน คนใกล้ตัวเรามีให้เห็นเป็นตัวอย่างมากมาย บาง
คนไม่เจอกัน 10 ปียังดูหนุ่มแน่น สาวปิ๊ง เหมือนเดิม เจอ
คนเหล่านี้ลองถามถึงไลฟ์สไตล์ของเขาดู แล้วเลียนแบบ

FW. Mail

Sep 22, 2008

ความสุขอยู่ที่ใด

ความสุขอยู่ที่ใด

ธามาดา

ฉันไม่มีความสุข...

ฉันไม่ชอบงานที่ฉันทำ เพราะมันน่าเบื่อและไม่มีที่สิ้นสุด

ฉันไม่ชอบเจ้านาย เพราะเขาไม่เคยคิดหรือทำอะไรเองนอก
จากชี้นิ้วสั่งกับดุด่าฉันเท่านั้น

ฉันไม่ชอบเช้าวันจันทร์ เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกบังคับ
ให้ตื่นขึ้นมาเผชิญโลกที่โหดร้าย แต่ละสัปดาห์ของการทำงาน
ดูราวกับการคืบคลานไปท่ามกลางสนามรบ

ฉันไม่ชอบเช้าวันอังคาร เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเพิ่ง
ทำงานไปได้วันเดียวยังมีอีกหลายวันที่โหดร้ายรออยู่

ฉันไม่ชอบเช้าวันพุธ เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมกับ
ความล้าและพบว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งทางเท่านั้น

ฉันไม่ชอบเช้าวันพฤหัสบดี เพราะเป็นวันที่ฉันเหนื่อยล้าจากการ
ทำงานมาตลอดหลายวัน แต่ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไป พรุ่งนี้
ก็ยังต้องทำงาน

ฉันไม่ชอบเช้าวันศุกร์ เพราะฉันเหนื่อยจนแทบลุกจากเตียง
ไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังต้องลุกไปทำงาน

ฉันไม่ชอบเช้าวันเสาร์ เพราะฉันอยากตื่นสายๆ แต่กลับมีเด็ก
บ้านใกล้ๆวิ่งเล่นเสียงดังจนต้องตื่นแต่เช้า

ฉันไม่ชอบเช้าวันอาทิตย์ เพราะฉันจะถูกปลุกแต่เช้าเช่นกันด้วย
เสียงเครื่องดูดฝุ่นกับเสียงตัดต้นไม้ และเครื่องตัดหญ้าชองเพื่อนบ้าน

ฉันไม่ชอบวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะมันทำให้ร้านรวงในกรุงเทพฯ
ปิด จะซื้อหาอะไรก็ยาก จะออกไปต่างจังหวัดคนก็มาก ฉันเคยเห็น
รถติดบนยอดเขาห่างไกลในวันสิ้นปีมาแล้ว

ฉันไม่ชอบรถติด เพราะมันทำให้ฉันถึงที่ทำงานช้า

ฉันไม่ชอบรถเมล์ เพราะฉันต้องยืนเบียดกับคนแปลกหน้าและร้อน
อบอ้าว

ฉันไม่ชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่ เพราะมันคับแคบแออัด เปิดหน้าต่าง
ออกไปเห็นแต่ตึกบังท้องฟ้า

ฉันไม่ชอบบ้านเดิมที่ต่างจังหวัด เพราะมันห่างไกลมากและมีแต่
ความกันดาร

ฉันไม่ชอบนิยายน้ำเน่า เพราะมันไม่เคยให้แง่คิดหรือช่วยพัฒนา
จิตใจของเราให้ดีขึ้นเลย

ฉันไม่ชอบหน้าร้อน เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกอบอ้าวและหงุดหงิดทั้งวัน

ฉันไม่ชอบหน้าฝน เพราะมันทำให้ฉันเปียกแฉะ เดินทางลำบาก
ตากผ้าก็ไม่แห้ง

ฉันไม่ชอบหน้าหนาว เพราะมันทำให้ฉันเป็นหวัดและไม่มีชีวิตชีวา

ฉันไม่ชอบมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนจบมา เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียง
ทำให้ฉันหางานทำลำบาก

ฉันไม่ชอบคนรักของฉัน เพราะเขาเป็นคนขวานผ่าซาก ไม่โรแมนติก
ไม่เอาอกเอาใจฉันเลย

ฉันไม่ชอบกรุงเทพ เพราะที่นี่มีแต่ความเบียดเสียด ทุกอย่างเร่งรีบ
และดิ้นรนผู้คนเห็นแก่ตัว

ฉันไม่มีความสุข..............

ความสุขอยู่ที่ไหนกัน............

..............................................................................................

วันหนึ่งฉันยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ แม่ลูกคู่หนึ่งนั่งรอรถอยู่ใกล้ๆ
ผ่านไปสักพักอยู่ๆ ลูกชายวัยซนของหญิงคนนั้นก็ชี้นิ้วขึ้นไป
บนท้องฟ้าและบอกกับแม่
"แม่หมาอยู่บนฟ้า"
"ไหนลูก" แม่ขมวดคิ้วแล้วโน้มตัวมองตามลูก
"อ๋อ เมฆน่ะเหรอลูก ดูเป็นหมายังไงนะ"
"นี่ไงแม่ ตรงที่ยื่นๆ ออกมานี่เป็นหัวหมา นี่หูมัน มีขาหน้าด้วย"
"แล้วขาหลังล่ะลูกไม่เห็นมีเลย"
"มันกระโดดออกจากปุยนุ่น ขาหลังมันเลยจมในปุยนุ่น" เด็กชายว่า

ฉันหันไปมองเมฆก้อนนั้นตามด้วนความอยากรู้อยากเห็นแล้วก็ต้อง
ขมวดคิ้ว มันเป็นแค่ก้อนเมฆสีขาวไร้รูปทรงธรรมดารูปหนึ่งเท่านั้นเอง
ไม่ได้มีความเหมือนกับหมาตรงไหนเลย ฉันยักไหล่แล้วหันไปชะเง้อ
มองรถเมล์บนถนนตามเดิม เสียเวลาฟังเจ้าเด็กฟุ้งซ่านจริงๆ

"เหรอ...แต่แม่ว่ามันดูเหมือนกับยีราฟนะลูก เห็นมั้ย คอมันยาวเป็นยีราฟ
เลย หูชี้ด้วย"
"ไม่ใช่นะแม่ ยังเป็นหมาอยู่ หมาคอยาวๆ โอ๊ยๆๆ ทำไมขามันหาย
ไปแล้วล่ะ"
"ข้างบนลมคงพัดแรงน่ะลูก เมฆมันเป็นแค่ไอน้ำที่ลอยในอากาศและ
จับตัวกันเป็นก้อน พอลมพัดมันก็เปลี่ยนรูปร่างเหมือนกันตอนที่ลูกเป่า
ควันในชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ไงจ๊ะ"

ฉันเงยหน้ามองก้อนเมฆไอน้ำสีขาวบนทั้งฟ้าอีกครั้ง ฉันมองอย่างไร
ก็เห็นเป็นเพียงแต่เมฆธรรมดาๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น ในขณะที่แม่ลูกคู่นั้น
เห็นเป็นสัตว์ต่างๆ มากมาย ทำไมของสิ่งเดียวกันแต่คนสองคนที่ยืน
อยู่ใกล้ๆ กันกลับมองไม่เหมือนกัน หรือว่าแม่ลูกคู่นี้เห็นในสิ่งที่ฉันไม่
เห็น...

บนรถเมล์ที่ฉันโหนไปทำงาน เด็กนักเรียนสองคนใกล้ๆ กำลังพูดถึง
การสอบเข้ามหาวิทยาลัย

"ทำไมแกรีบอ่านหนังสือคร่ำเคร่งนัก กว่าจะสอบก็ปีหน้าไม่ใช่เหรอ"
"ต้องรีบอ่านสิ อีกแค่ปีเดียวพวกเราต้องสอบแล้วนะ นี่อ่านแทบไม่
ได้นอนมาหลายเดือนแล้ว"
"เหรอ..."
"แล้วแกล่ะ ทำไมจนป่านนี้ยังไม่อ่านหนังสือสักที"
"ไม่ต้องรีบหรอก อีกตั้งปีกว่าจะถึงวันสอบ"

ฉันมองตามหลังเด็กทั้งสองขณะที่พวกเขาเดินลงจากรถหน้าโรงเรียน
นับว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนสองคนที่มองสิ่งเดียวกันต่างออกไป
คนหนึ่งมองอย่างเป็นทุกข์ อีกคนมองอย่างไม่ทุกข์
หรือว่าทุกสิ่งรอบตัวสามารถมองได้สองแบบจริงๆ
แบบเดียวกับที่ฉันมองสองด้านของเหรียญหรือมองแก้วน้ำที่มีน้ำเหลือ
อยู่ครึ่งแก้ว แล้วที่ฉันไม่มีความสุขอยู่ทุกวันนี้เกิดจากการมองของฉัน
ใช่หรือไม่...

เย็นวันนั้นฉันกลับบ้านมานั่งพักที่ระเบียง
แมวดำตัวหนึ่งกำลังพยายามจะมาคุ้ยหาขยะในถุงดำที่มัดกองไว้หน้า
บ้าน แต่แรกฉันทำท่าจะถอดรองเท้าขว้างใส่แบบที่เคยทำมา
แต่พอคิดไปอีกทางว่า การเกิดเป็นแมวจรจัดไร้เจ้าของและที่ซุกหัว
นอนนั้นก็แย่พออยู่แล้ว ยังต้องมาคุ้ยขยะหาอาหารประทังชีวิตให้รอด
แล้วยังถูกคนขับไล่อีกไปที่ไหนก็มีแต่คนไม่ต้อนรับเอ็นดู
ฉันลองเปลี่ยนความคิดดู หันหลังเดินเข้าครัว หยิบไส้กรอกอีสาน
และแฮมในตู้เย็นออกมาอุ่นเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดประตูบ้านออกไป
แมวดำยังอยู่ที่กองขยะหน้าบ้าน แสงจากเสาไฟฟ้าที่ส่องสลัวลงมา
ถึงตัวของมันทำให้มองดูเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเดี่ยวที่
สุดในโลก ฉันส่งเสียงเลียนแบบแมวดังเมี้ยวๆ จนมันหันมามอง

"กินซะนะ อยู่ด้วยกันมานานฉันเพิ่งจะมาใจดีวันนี้แหละ"

แมวตัวนั้นค่อยๆ เดินมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนมาหยุดใกล้ๆ ฉันจึงวาง
ไส้กรอกอีสานกับหมูแฮมลงบนพื้น แมวจรจัดส่งเสียงร้องเหมียวๆ
ขณะก้มลงดมอาหารมื้อพิเศษนั้น ในที่สุดมันก็กินอย่างเอร็ดอร่อย
ทีเดียว ฉันยืนกอดอกมองภาพแมวที่กำลังกินอาหารที่ฉันหามาให้
อย่างมีความสุข เพิ่งได้รู้กับตัวเองว่าการไล่แมวกับการให้อาหารแมว
นั้นมันให้ความสุขทางใจที่แตกต่างกันมากกขนาดนี้เอง

ต่อจากนี้ไปฉันจะมีความสุข...

..............................................................................................

ฉันชอบงานที่ฉันทำ เพราะมันให้โอกาสฉันได้แสดงฝีมือทำงานเพื่อ
ส่วนรวมและมีรายได้มาเลี้ยงตัว เอง งานทั้งหลายนั้นดูช่างท้าทายฉัน
อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉันชอบเจ้านาย เพราะเขาให้โอกาสฉันคิดและตัด
สินใจลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองโดยพยายามตักเตือนแนะนำเมื่อฉัน
ทำงานผิดพลาด ฉันชอบเช้าวันจันทร์ เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือน
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งสัปดาห์นี้จะต้องดีกว่าสัปดาห์ที่แล้ว ฉันชอบ
เช้าวันอังคาร เพราะเป็นวันที่ฉันเพิ่งทำงานไปได้วันเดียว ยังมีอีกหลาย
วันที่สนุกสนานรออยู่เพื่อนที่ทำงานยังรอฉันอยู่ ฉันชอบเช้าวันพุธ
เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมความล้าเล็กน้อยและพบว่าเวลา
ผ่านไป ครึ่งทางแล้ว ฉันจะรีบทำงานในเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด อีกไม่นาน
ฉันจะได้พักผ่อนวันหยุดแล้ว ฉันชอบเช้าวันพฤหัสบดี เพราะเป็นวันที่
ฉันเห็นความคืบหน้าของงานในสัปดาห์นี้มากมาย หากฉันไม่จัดการงาน
พวกนี้ บริษัทและทุกคนในบริษัทคงลำบากมากฉันรู้ว่าฉันมีส่วนร่วมใน
การผลักดันบริษัท ของฉัน ฉันชอบเช้าวันศุกร์ เพราะฉันจะให้กำลังใจ
ตัวเองว่านี่คือวันทำงานวันสุดท้ายแล้วฉันจะจัดการทุก สิ่งไม่ให้คั่งค้าง
เพื่อให้พรุ่งนี้และมะรืนนี้เป็นวันหยุดที่แสนสบาย ฉันชอบเช้าวันเสาร์
เพราะฉันจะตื่นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของเด็กบ้านใกล้ๆ ที่กำลังวิ่ง
เล่นกันอย่างสนุกสนาน ฟังดูสดชื่นมีชีวิตชีวา จากนั้นฉันจะเริ่มทำความ
สะอาดบ้านและมองดูบ้านที่สะอาดขึ้นทีละน้อยอย่าง ภูมิใจ ฉันชอบ
เช้าวันอาทิตย์ เพราะฉันจะตื่อนแต่เช้าเช่นกันเพื่อเตรียมหุงหาอาหาร
ใส่บาตรพระที่ผ่านมา หน้าหมู่บ้าน จากนั้นฉันจะไปซื้อของและกลับมา
พักผ่อนที่บ้าน รอคอยสัปดาห์ใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น ฉันชอบวันหยุด
นักขัตฤกษ์ เพราะมันทำให้ฉันมีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น
ฉันชอบรถติด เพราะมันทำให้ฉันเพลิดเพลินกับการฟังเพลงวิทยุช่อง
โปรดและเหม่อมองสิ่งต่างๆ รอบตัวนานขึ้น ฉันชอบรถเมล์ เพราะฉันมอง
เห็นคนมากมายที่กำลังร่วมทางกันอยู่บนรถคันเดียวกัน แต่ละวันที่ได้พบ
กับผู้คนบนรถเมล์ฉันมักจะได้แง่คิดดีๆ จากการเงี่ยหูฟังพวกเขาคุยกันอยู่
เสมอ ฉันชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่ เพราะมันดูกะทัดรัดดูแลทำความสะอาด
ได้ง่าย มีเพื่อนบ้านมากมายคอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้ ฉันชอบบ้านเดิมที่
ต่างจังหวัด เพราะมันห่างไกลจากความวุ่นวายในเมืองหลวง และฉันมัก
จะกลับไปพักผ่อนเติมพลังอยู่เสมอเมื่อเหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิตใน เมือง
ฉันชอบนิยายน้ำเน่า เพราะมันทำให้ฉันผ่อนคลายและได้ล่องลอยไปใน
โลกความฝันบ้างหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันชอบหน้าร้อน
เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกถึงชีวิตชีวารอบข้าง เสียงแมลงต่างพากันร้อง
นกต่างพากันบินออกหากิน ดอกไม้เบ่งบาน ฉันชอบหน้าฝน เพราะมันช่าง
ดูอบอุ่นชุ่มเย็น การเฝ้ามองต้นไม้เขียวขจีต้องลมฝนจากใต้ชายคาบ้านฉัน
เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ ฉันชอบหน้าหนาว เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกเย็นสบาย
ได้หยิบเสื้อหนาวสวยๆ ในตู้ออกมาใส่จะเดินออกไปไหนมาไหนก็กระชุ่ม
กระชวย นอนหลับก็สบายไม่ต้องเปิดพัดลม ฉันชอบมหาวิทยาลัยที่ฉัน
เรียนจบมา เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียง หากฉันทำงานของฉันจนประสบ
ความสำเร็จฉันจะกลายเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้ กับมหาวิทยาลัย
และมหาวิทยาลัยของฉันจะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ฉันชอบคนรักของฉัน
เพราะเขาเป็นคนจริงใจพูดตรงไปตรงมา ไม่มีมารยา และทำให้ฉันเรียนรู้ที่
จะเอาอกเอาใจเธอ ฉันชอบกรุงเทพ เพราะที่นี่มีผู้คนมากมายและมีบท
เรียนใหม่ๆ ที่จะคอยสอนใจฉันอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เหมือนกับที่มันเคยสอน
ฉันให้มองโลกอย่างมีความสุขมาแล้ว

ฉันมีความสุข...

การ์ตูน ขายหัวเราะ

ฉบับประจำวันพุธที่
14-20 กุมภาพันธ์ 2550

ความสุขอยู่ในทุกหนแห่งและอยู่ที่ตัวฉันเอง...อยู่ที่ฉันจะตั้งใจมองหา
มันในทุกสิ่งรอบข้างเองหรือไม่เท่านั้น...
แหล่งที่มาจาก FW

ข้อคิดจากถังน้ำสองใบ

ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร
ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ
และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง...แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล
จากลำธารกลับสู่บ้าน....จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลือ
อยู่เพียงครึ่งเดียว

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถ
ตักน้ำ กลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง....ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มี
ตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ...ขณะเดียวกันถัง
น้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง มันรู้สึก
โศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุด
ประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

หลังจากเวลา 2 ปี… ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลว
อันขมขื่น วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า "ข้ารู้สึก
อับอายตัวเองเป็นเพราะ รอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำ
ที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน"

คนตักน้ำตอบว่า "เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่
ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า... แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีก
ด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่....

ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้าและ
ทุกวันที่เราเดินกลับ... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้น
เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับ
มาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว..
เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้"

คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง...
แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น
อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็น
บำเหน็จรางวัลของชีวิตได้....
สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น..
และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง

มองโลกหลาย ๆ ด้าน คนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น




ภาพสวยๆ บรรยากาศดีๆ








ไข่เค็ม ..

ไข่เค็ม (ชวนมาดองไข่เค็มทานเองกันดีกว่า)

พอ ดีช่วงที่ผ่านมา ทำบะจ่าง ซื้อไข่เค็มมาใส่รู้สึกแพง
จังๆลูกละ 5 บาท ยังคิดว่าจะดองไข่เค็มเองดีกว่าแต่ว่า
ก็ไม่ได้ทำเพราะไม่มีเวลา พอมาทำขนมไหว้พระก็ต้อง
ใช้ไข่เค็มอีก ปรากฏว่าหาไม่ได้ เพราะไม่ได้ช่วงเทศกาล
บะจ่าง ตลาดแถวบ้านไม่ได้เอามาขาย มีแต่ไข่เค็มที่ต้ม
สุกแล้ว พอเอามาใช้ปรากฏว่ามันเค็มมากๆ ไม่อร่อย
แล้วก็แพงด้วยในยุคข้าวยากหมากแพง ลูกละ 6 บาท

วันก่อนเดินตลาดเห็นแม่ค้าขายไข่เป็ด 10 ฟอง แค่ 28 บาท
ก็เลยเกิดความคิด..ดองไข่เค็มเองดีกว่า..




ของที่ต้องเตรียม
ไช่เป็ด หรือ ไข่ไก่ 10 ฟอง
เกลือ 3 ถุงเล็ก น้ำหนักถุงละ 120 กรัม
น้ำสะอาด 1 ลิตร
ภาชนะให้สำหรับใส่ดอง ควรจะเป็นแก้วหรือเซลามิก
ดิฉันใช้ขวดโหลแก้วที่บ้านมีอยู่แล้ว

วิธีทำแสนจะง่าย..ก่อนอื่นต้องเตรียม..ไข่...





โดยล้างให้สะอาด แล้วพึ่งให้แห้งสนิท





ไข่เอ่ย..ไข่เป็ด




แสงดี..จับมาพึ่งแดด..






ตากลม..สักหน่อย..





..ต้มน้ำเกลือให้เดือดจนเกลือละลายหมด ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นสนิท ..
จากนั้นก็เรียงไข่ลงไปในขวดโหลเลยค่ะ






พอน้ำเกลือที่เราต้มเย็นสนิทก็เทใส่ลงไปในไข่ที่เรียงไว้ได้เลย..





ลอยตุ๊บป่องๆ..^ ^



แล้วก็หาอุปกรณ์ทาทับบนไข่ให้ไข่จมอยู่ในน้ำเกลือ ดิฉันใช้ถุง
พลาสติกใช้น้ำมัดให้แน่นแล้ววางบนไข่เลยค่ะ

ห็นบางคนก็ใช้ไม้ไผ่สานวางขัดไว้ด้านบน..




หลังจากนั้นวางทิ้งไว้ 2 สัปดาห์ ค่ะ..น่าตาเป็นแบบนี้..^ ^








ให้ดูใกล้ๆ..




ไข่เค็มจ้า..


ยำ 2 เกลอ รสแซ่บ







เวลา ทำงานมาเหนื่อยๆ บางทีก็อยากทานอะไรที่มันรสจัดๆ พูด
แล้วยังเปรี้ยวปากอีกแล้วคะ อาหารเผ็ด รสจัดจ้าน กับตามันของ
คุ่กัน แยกกันไม่ได้ วันนี้ตายำ ปลาหมึก กับ กุ้งสดคะ ใส่ตะไคร์
หั่นฝอย มีข้อห้ามก็คือ คนไม่ทานเผ็ดคะ



สูตร

200 กรัม กุ้งสดผ่าหลัง
200 กรัม ปลาหมึกสด หั่นพอคำ
2 ลูก มะนาว
พริกสดตามชอบ
1 /2 ถ. - 1 ถ. ตะไคร์หั่นฝอย แล้วแต่ชอบคะ
1/2 ถ. แครอทซอย
น้ำปลา
น้ำตาลทรายตัดรส
ใบขึ้นฉ่าย ต้นหอมผักชี ไว้โรยหน้า
กระเทียมแกะเปลือก ตามชอบ

วิธีทำ

ลวกกุ้ง กับปลาหมึกให้สุก พักใส่ชามไว้

โขลกพริก กับกระเทียมให้เข้ากัน บีบมะนาว น้ำตาลาทราย
น้ำปลา ปรุงรสตามชอบ


หั่นตระไคร์ หอมแดงซอย ลงไปคลุกเคล้ากับ กุ้งและปลาหมึก
แล้ว เทน้ำยำลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน


โรยผักชี ขึ้นฉ่าย ต้นหอม ตักเสริฟ คะ เผอิญหิวจัดคะ ลืมถ่าย
รูปการทำ ได้แค่รูปเดียว













เค้กชิฟฟ่อนมะนาว

วันนี้เป็นวันเกิดพี่สาวใจดีแสนน่ารักพี่แอม Amber n the Gang
เจี๊ยบเลยลงมือทำเค้กวันเกิดมอบให้พี่แอมค่ะ
ทำเองแบบง่าย ๆ นะคะหน้าตาออกมาเป็นอย่างนี้ค่ะ



เหตุผลที่เลือกทำชิฟฟ่อนมะนาวก็เพราะพอดีน้องกี๊ฟ chubby cat
ซื้อแยมมะนาวของไร่บุญรอดมาฝากค่ะ เลยตั้งใจจะเอามาตีใส่
บัตเตอร์ครีมให้เห็นเป็นเส้นริ้วของผิวมะนาวแต่ปรากฏว่าจมหาย
หมดเลยค่ะ ขอบคุณน้องกี๊ฟด้วยนะคะ



เทใส่พิมพ์นำเข้าอบประมาณ 40 นาทีค่ะ



มาลงมือทำกันเลยค่ะส่วนผสมมีดังนี้นะคะ
ส่วนผสมของแห้ง
แป้งเค้ก 125 กรัม
ผงฟู 1 ช้อนชา
เกลือป่น เศษหนึ่งส่วนสี่ช้อนชา
นำทั้งหมดมาร่อนรวมกันค่ะ

ส่วนไข่แดง
ไข่แดง 3 ฟอง
น้ำมันพืช 60 กรัม
นมคาร์เนชั่น 60 กรัม
น้ำตาลทราย 60 กรัม
กลิ่นมะนาว ครึ่งช้อนชา
สีเหลืองมะนาว 2-3 หยด
น้ำมะนาวเข้มข้น เศษหนึ่งส่วนสี่ถ้วย

ส่วนไข่ขาว
ไข่ขาว 3 ฟอง
น้ำตาลทราย 40 กรัม
ครีมออฟทาทาร์ หนึ่งส่วนสี่ช้อนชา
ได้ทั้งหมดมาแล้วร่อนแป้งสัก 2 รอบนะคะแล้วพักไว้
หันไปวอร์มเตาที่ 170 องศาซี
จากนั้นก็ผสมส่วนของไข่แดงเข้าด้วยกัน



เมื่อผสมเสร็จแล้วก็ใส่แป้งคนให้เข้ากันอย่าคนนานนะคะ



เมื่อเสร็จส่วนของไข่แดงแล้วก็มาตีไข่ขาวพอขึ้นฟองใส่ครีมออฟ
ทาทาร์ลงไปค่ะ



แล้วค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลตีจนตั้งยอด



จากนั้นก็นำไปผสมกับส่วนของไข่แดงโดยแบ่งไข่ขาวเป็น 3 ส่วน



ตะล่อมผสม
จนเข้ากันแบบนี้ค่ะ





ออกมาเป็นแบบนี้



ทำเลเยอร์สักเล็กน้อย



หันมาตีครีมเลยนะคะส่วนของครีมก็มี
เนย สด 115 กรัม เนยขาว 175 กรัม ไอซิ่ง 175 กรัม นมคาเนชั่น
5 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวเข้มข้น 3 ช้อนโต๊ะและแยมมะนาวอันนี้ไม่มี
ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะเปลี่ยนเป็นเพิ่มน้ำมะนาว เข้มข้นแทน 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ส่วน 4 ช้อนชานำทั้งหมดมาตีให้เข้ากันจนเป็นครีม



คราวนี้ก็นำมาแต่งหน้าเค้กได้เลยค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่แอม

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=jeabguru&month=22-09-2008&group=5&gblog=24


ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น...น้ำแดง

วยเตี๋ยวหมูตุ๋น...น้ำแดง.....


สูตรนี้ง่ายมากๆ เครื่องเคราก็ไม่เยอะ เหมาะสำหรับแม่บ้านอย่าง
เราเป็นที่สุดเลย วัตถุดิบก็มี.....แค่เนี้ย....
1. ซี่โครงอ่อน (แต่เราไม่มี ไป have หมูของบ้านแม่มา)
2. เครื่องตุ๋นยี่ห้ออะไรก็ได้ ตามแต่ใจ
3. ซีอิ๊วดำ ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว น้ำตาลกรวดนิดเดียว
4. สามสหาย..รากผักชี กระเทียม พริกไทยดำ
5. เห็ดหอม
6. ผักที่จะใส่ในชามก๋วยเตี๋ยว ของเราขอเป็นหน่อไม้ฝรั่งกรอบๆ
7. พวกโรยหน้าต่างๆ เช่น ผักชี, กระเทียมเจียว ฯลฯ

มาสู่ภาคปฏิบัติ.....
1. เอาน้ำใส่หม้อ เยอะหน่อยนะ เพราะต้องใช้เวลาตุ๋นพอสมควร


2. แกะถุงเครื่องตุ๋นออก เอามาวางบนผ้าขาวบาง จะได้ห่อโยน
ลงหม้อ...บางคนเขาก็ไม่ห่อนะ แต่เราห่อ เพราะจะได้ตักหมูง่ายๆ
อิอิอิ




3. เอาหม้อตั้งไฟ โยนถุงเครื่องตุ๋นลงไป โยนรากผักชีกระเทียม
พริกไทยลงไป ต้มให้เดือด ใส่หมูลงไป พอเดือดคอยช้อนฟอง
ออกด้วย แล้วก็อย่าลืมโยนเห็ดหอมด้วย แล้วลดไฟอ่อนเพื่อตุ๋น
ไปเรื่อยๆ จนหมูเปื่อยนุ่ม..


4. พอน้ำเริ่มงวดลง หมูเริ่มเปื่อยๆ ก็ปรุงรสตามอัธยาศัยเลยค่ะ
เอาแบบว่าตามใจชอบเลย


5. พอดูได้ที่ดีแล้ว ชิมโอเคแล้ว และหิวทนไม่ไหวแล้วก็ยกหม้อ
ลง ตั้งน้ำอีกหม้อนึงไว้ลวกเส้น ของเราขอเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ละกัน ขี้เกียจออกไปตลาดอ่ะ ก็จัดการลวกเส้น ลวกผัก เทโครม
ลงชามกาไก่ อิอิอิ แล้วตักน้ำตักหมูราดลงไป ตักกระเทียมเจียว
มาโรยๆ ผักชีด้วยยย.....ไม่รอแล้วนะ ไปกินดีกว่า...

ชามนี้ของเด็กที่บ้าน ไม่กินผักค่ะ ไม่กินผักๆ...แม่มันล่ะเซ็ง
ไม่รู้จะทำไงดี



ชามนี้ของผู้ใหญ่ๆ ในบ้านนนน


ไปแล้วเน้อ...ไม่ไหวแล้ว หิวมากๆ


http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=apichcho&month=22-09-2008&group=4&gblog=1