ความสุขอยู่ที่ใด
ธามาดา
ฉันไม่มีความสุข...
ฉันไม่ชอบงานที่ฉันทำ เพราะมันน่าเบื่อและไม่มีที่สิ้นสุด
ฉันไม่ชอบเจ้านาย เพราะเขาไม่เคยคิดหรือทำอะไรเองนอก
จากชี้นิ้วสั่งกับดุด่าฉันเท่านั้น
ฉันไม่ชอบเช้าวันจันทร์ เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกบังคับ
ให้ตื่นขึ้นมาเผชิญโลกที่โหดร้าย แต่ละสัปดาห์ของการทำงาน
ดูราวกับการคืบคลานไปท่ามกลางสนามรบ
ฉันไม่ชอบเช้าวันอังคาร เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเพิ่ง
ทำงานไปได้วันเดียวยังมีอีกหลายวันที่โหดร้ายรออยู่
ฉันไม่ชอบเช้าวันพุธ เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมกับ
ความล้าและพบว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งทางเท่านั้น
ฉันไม่ชอบเช้าวันพฤหัสบดี เพราะเป็นวันที่ฉันเหนื่อยล้าจากการ
ทำงานมาตลอดหลายวัน แต่ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไป พรุ่งนี้
ก็ยังต้องทำงาน
ฉันไม่ชอบเช้าวันศุกร์ เพราะฉันเหนื่อยจนแทบลุกจากเตียง
ไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังต้องลุกไปทำงาน
ฉันไม่ชอบเช้าวันเสาร์ เพราะฉันอยากตื่นสายๆ แต่กลับมีเด็ก
บ้านใกล้ๆวิ่งเล่นเสียงดังจนต้องตื่นแต่เช้า
ฉันไม่ชอบเช้าวันอาทิตย์ เพราะฉันจะถูกปลุกแต่เช้าเช่นกันด้วย
เสียงเครื่องดูดฝุ่นกับเสียงตัดต้นไม้ และเครื่องตัดหญ้าชองเพื่อนบ้าน
ฉันไม่ชอบวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะมันทำให้ร้านรวงในกรุงเทพฯ
ปิด จะซื้อหาอะไรก็ยาก จะออกไปต่างจังหวัดคนก็มาก ฉันเคยเห็น
รถติดบนยอดเขาห่างไกลในวันสิ้นปีมาแล้ว
ฉันไม่ชอบรถติด เพราะมันทำให้ฉันถึงที่ทำงานช้า
ฉันไม่ชอบรถเมล์ เพราะฉันต้องยืนเบียดกับคนแปลกหน้าและร้อน
อบอ้าว
ฉันไม่ชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่ เพราะมันคับแคบแออัด เปิดหน้าต่าง
ออกไปเห็นแต่ตึกบังท้องฟ้า
ฉันไม่ชอบบ้านเดิมที่ต่างจังหวัด เพราะมันห่างไกลมากและมีแต่
ความกันดาร
ฉันไม่ชอบนิยายน้ำเน่า เพราะมันไม่เคยให้แง่คิดหรือช่วยพัฒนา
จิตใจของเราให้ดีขึ้นเลย
ฉันไม่ชอบหน้าร้อน เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกอบอ้าวและหงุดหงิดทั้งวัน
ฉันไม่ชอบหน้าฝน เพราะมันทำให้ฉันเปียกแฉะ เดินทางลำบาก
ตากผ้าก็ไม่แห้ง
ฉันไม่ชอบหน้าหนาว เพราะมันทำให้ฉันเป็นหวัดและไม่มีชีวิตชีวา
ฉันไม่ชอบมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนจบมา เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียง
ทำให้ฉันหางานทำลำบาก
ฉันไม่ชอบคนรักของฉัน เพราะเขาเป็นคนขวานผ่าซาก ไม่โรแมนติก
ไม่เอาอกเอาใจฉันเลย
ฉันไม่ชอบกรุงเทพ เพราะที่นี่มีแต่ความเบียดเสียด ทุกอย่างเร่งรีบ
และดิ้นรนผู้คนเห็นแก่ตัว
ฉันไม่มีความสุข..............
ความสุขอยู่ที่ไหนกัน............
..............................................................................................
วันหนึ่งฉันยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ แม่ลูกคู่หนึ่งนั่งรอรถอยู่ใกล้ๆ
ผ่านไปสักพักอยู่ๆ ลูกชายวัยซนของหญิงคนนั้นก็ชี้นิ้วขึ้นไป
บนท้องฟ้าและบอกกับแม่
"แม่หมาอยู่บนฟ้า"
"ไหนลูก" แม่ขมวดคิ้วแล้วโน้มตัวมองตามลูก
"อ๋อ เมฆน่ะเหรอลูก ดูเป็นหมายังไงนะ"
"นี่ไงแม่ ตรงที่ยื่นๆ ออกมานี่เป็นหัวหมา นี่หูมัน มีขาหน้าด้วย"
"แล้วขาหลังล่ะลูกไม่เห็นมีเลย"
"มันกระโดดออกจากปุยนุ่น ขาหลังมันเลยจมในปุยนุ่น" เด็กชายว่า
ฉันหันไปมองเมฆก้อนนั้นตามด้วนความอยากรู้อยากเห็นแล้วก็ต้อง
ขมวดคิ้ว มันเป็นแค่ก้อนเมฆสีขาวไร้รูปทรงธรรมดารูปหนึ่งเท่านั้นเอง
ไม่ได้มีความเหมือนกับหมาตรงไหนเลย ฉันยักไหล่แล้วหันไปชะเง้อ
มองรถเมล์บนถนนตามเดิม เสียเวลาฟังเจ้าเด็กฟุ้งซ่านจริงๆ
"เหรอ...แต่แม่ว่ามันดูเหมือนกับยีราฟนะลูก เห็นมั้ย คอมันยาวเป็นยีราฟ
เลย หูชี้ด้วย"
"ไม่ใช่นะแม่ ยังเป็นหมาอยู่ หมาคอยาวๆ โอ๊ยๆๆ ทำไมขามันหาย
ไปแล้วล่ะ"
"ข้างบนลมคงพัดแรงน่ะลูก เมฆมันเป็นแค่ไอน้ำที่ลอยในอากาศและ
จับตัวกันเป็นก้อน พอลมพัดมันก็เปลี่ยนรูปร่างเหมือนกันตอนที่ลูกเป่า
ควันในชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ไงจ๊ะ"
ฉันเงยหน้ามองก้อนเมฆไอน้ำสีขาวบนทั้งฟ้าอีกครั้ง ฉันมองอย่างไร
ก็เห็นเป็นเพียงแต่เมฆธรรมดาๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น ในขณะที่แม่ลูกคู่นั้น
เห็นเป็นสัตว์ต่างๆ มากมาย ทำไมของสิ่งเดียวกันแต่คนสองคนที่ยืน
อยู่ใกล้ๆ กันกลับมองไม่เหมือนกัน หรือว่าแม่ลูกคู่นี้เห็นในสิ่งที่ฉันไม่
เห็น...
บนรถเมล์ที่ฉันโหนไปทำงาน เด็กนักเรียนสองคนใกล้ๆ กำลังพูดถึง
การสอบเข้ามหาวิทยาลัย
"ทำไมแกรีบอ่านหนังสือคร่ำเคร่งนัก กว่าจะสอบก็ปีหน้าไม่ใช่เหรอ"
"ต้องรีบอ่านสิ อีกแค่ปีเดียวพวกเราต้องสอบแล้วนะ นี่อ่านแทบไม่
ได้นอนมาหลายเดือนแล้ว"
"เหรอ..."
"แล้วแกล่ะ ทำไมจนป่านนี้ยังไม่อ่านหนังสือสักที"
"ไม่ต้องรีบหรอก อีกตั้งปีกว่าจะถึงวันสอบ"
ฉันมองตามหลังเด็กทั้งสองขณะที่พวกเขาเดินลงจากรถหน้าโรงเรียน
นับว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนสองคนที่มองสิ่งเดียวกันต่างออกไป
คนหนึ่งมองอย่างเป็นทุกข์ อีกคนมองอย่างไม่ทุกข์
หรือว่าทุกสิ่งรอบตัวสามารถมองได้สองแบบจริงๆ
แบบเดียวกับที่ฉันมองสองด้านของเหรียญหรือมองแก้วน้ำที่มีน้ำเหลือ
อยู่ครึ่งแก้ว แล้วที่ฉันไม่มีความสุขอยู่ทุกวันนี้เกิดจากการมองของฉัน
ใช่หรือไม่...
เย็นวันนั้นฉันกลับบ้านมานั่งพักที่ระเบียง
แมวดำตัวหนึ่งกำลังพยายามจะมาคุ้ยหาขยะในถุงดำที่มัดกองไว้หน้า
บ้าน แต่แรกฉันทำท่าจะถอดรองเท้าขว้างใส่แบบที่เคยทำมา
แต่พอคิดไปอีกทางว่า การเกิดเป็นแมวจรจัดไร้เจ้าของและที่ซุกหัว
นอนนั้นก็แย่พออยู่แล้ว ยังต้องมาคุ้ยขยะหาอาหารประทังชีวิตให้รอด
แล้วยังถูกคนขับไล่อีกไปที่ไหนก็มีแต่คนไม่ต้อนรับเอ็นดู
ฉันลองเปลี่ยนความคิดดู หันหลังเดินเข้าครัว หยิบไส้กรอกอีสาน
และแฮมในตู้เย็นออกมาอุ่นเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดประตูบ้านออกไป
แมวดำยังอยู่ที่กองขยะหน้าบ้าน แสงจากเสาไฟฟ้าที่ส่องสลัวลงมา
ถึงตัวของมันทำให้มองดูเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเดี่ยวที่
สุดในโลก ฉันส่งเสียงเลียนแบบแมวดังเมี้ยวๆ จนมันหันมามอง
"กินซะนะ อยู่ด้วยกันมานานฉันเพิ่งจะมาใจดีวันนี้แหละ"
แมวตัวนั้นค่อยๆ เดินมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนมาหยุดใกล้ๆ ฉันจึงวาง
ไส้กรอกอีสานกับหมูแฮมลงบนพื้น แมวจรจัดส่งเสียงร้องเหมียวๆ
ขณะก้มลงดมอาหารมื้อพิเศษนั้น ในที่สุดมันก็กินอย่างเอร็ดอร่อย
ทีเดียว ฉันยืนกอดอกมองภาพแมวที่กำลังกินอาหารที่ฉันหามาให้
อย่างมีความสุข เพิ่งได้รู้กับตัวเองว่าการไล่แมวกับการให้อาหารแมว
นั้นมันให้ความสุขทางใจที่แตกต่างกันมากกขนาดนี้เอง
ต่อจากนี้ไปฉันจะมีความสุข...
..............................................................................................
ฉันชอบงานที่ฉันทำ เพราะมันให้โอกาสฉันได้แสดงฝีมือทำงานเพื่อ
ส่วนรวมและมีรายได้มาเลี้ยงตัว เอง งานทั้งหลายนั้นดูช่างท้าทายฉัน
อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉันชอบเจ้านาย เพราะเขาให้โอกาสฉันคิดและตัด
สินใจลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองโดยพยายามตักเตือนแนะนำเมื่อฉัน
ทำงานผิดพลาด ฉันชอบเช้าวันจันทร์ เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือน
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งสัปดาห์นี้จะต้องดีกว่าสัปดาห์ที่แล้ว ฉันชอบ
เช้าวันอังคาร เพราะเป็นวันที่ฉันเพิ่งทำงานไปได้วันเดียว ยังมีอีกหลาย
วันที่สนุกสนานรออยู่เพื่อนที่ทำงานยังรอฉันอยู่ ฉันชอบเช้าวันพุธ
เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมความล้าเล็กน้อยและพบว่าเวลา
ผ่านไป ครึ่งทางแล้ว ฉันจะรีบทำงานในเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด อีกไม่นาน
ฉันจะได้พักผ่อนวันหยุดแล้ว ฉันชอบเช้าวันพฤหัสบดี เพราะเป็นวันที่
ฉันเห็นความคืบหน้าของงานในสัปดาห์นี้มากมาย หากฉันไม่จัดการงาน
พวกนี้ บริษัทและทุกคนในบริษัทคงลำบากมากฉันรู้ว่าฉันมีส่วนร่วมใน
การผลักดันบริษัท ของฉัน ฉันชอบเช้าวันศุกร์ เพราะฉันจะให้กำลังใจ
ตัวเองว่านี่คือวันทำงานวันสุดท้ายแล้วฉันจะจัดการทุก สิ่งไม่ให้คั่งค้าง
เพื่อให้พรุ่งนี้และมะรืนนี้เป็นวันหยุดที่แสนสบาย ฉันชอบเช้าวันเสาร์
เพราะฉันจะตื่นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของเด็กบ้านใกล้ๆ ที่กำลังวิ่ง
เล่นกันอย่างสนุกสนาน ฟังดูสดชื่นมีชีวิตชีวา จากนั้นฉันจะเริ่มทำความ
สะอาดบ้านและมองดูบ้านที่สะอาดขึ้นทีละน้อยอย่าง ภูมิใจ ฉันชอบ
เช้าวันอาทิตย์ เพราะฉันจะตื่อนแต่เช้าเช่นกันเพื่อเตรียมหุงหาอาหาร
ใส่บาตรพระที่ผ่านมา หน้าหมู่บ้าน จากนั้นฉันจะไปซื้อของและกลับมา
พักผ่อนที่บ้าน รอคอยสัปดาห์ใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น ฉันชอบวันหยุด
นักขัตฤกษ์ เพราะมันทำให้ฉันมีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น
ฉันชอบรถติด เพราะมันทำให้ฉันเพลิดเพลินกับการฟังเพลงวิทยุช่อง
โปรดและเหม่อมองสิ่งต่างๆ รอบตัวนานขึ้น ฉันชอบรถเมล์ เพราะฉันมอง
เห็นคนมากมายที่กำลังร่วมทางกันอยู่บนรถคันเดียวกัน แต่ละวันที่ได้พบ
กับผู้คนบนรถเมล์ฉันมักจะได้แง่คิดดีๆ จากการเงี่ยหูฟังพวกเขาคุยกันอยู่
เสมอ ฉันชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่ เพราะมันดูกะทัดรัดดูแลทำความสะอาด
ได้ง่าย มีเพื่อนบ้านมากมายคอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้ ฉันชอบบ้านเดิมที่
ต่างจังหวัด เพราะมันห่างไกลจากความวุ่นวายในเมืองหลวง และฉันมัก
จะกลับไปพักผ่อนเติมพลังอยู่เสมอเมื่อเหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิตใน เมือง
ฉันชอบนิยายน้ำเน่า เพราะมันทำให้ฉันผ่อนคลายและได้ล่องลอยไปใน
โลกความฝันบ้างหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันชอบหน้าร้อน
เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกถึงชีวิตชีวารอบข้าง เสียงแมลงต่างพากันร้อง
นกต่างพากันบินออกหากิน ดอกไม้เบ่งบาน ฉันชอบหน้าฝน เพราะมันช่าง
ดูอบอุ่นชุ่มเย็น การเฝ้ามองต้นไม้เขียวขจีต้องลมฝนจากใต้ชายคาบ้านฉัน
เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ ฉันชอบหน้าหนาว เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกเย็นสบาย
ได้หยิบเสื้อหนาวสวยๆ ในตู้ออกมาใส่จะเดินออกไปไหนมาไหนก็กระชุ่ม
กระชวย นอนหลับก็สบายไม่ต้องเปิดพัดลม ฉันชอบมหาวิทยาลัยที่ฉัน
เรียนจบมา เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียง หากฉันทำงานของฉันจนประสบ
ความสำเร็จฉันจะกลายเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้ กับมหาวิทยาลัย
และมหาวิทยาลัยของฉันจะเป็นที่ยอมรับของทุกคน ฉันชอบคนรักของฉัน
เพราะเขาเป็นคนจริงใจพูดตรงไปตรงมา ไม่มีมารยา และทำให้ฉันเรียนรู้ที่
จะเอาอกเอาใจเธอ ฉันชอบกรุงเทพ เพราะที่นี่มีผู้คนมากมายและมีบท
เรียนใหม่ๆ ที่จะคอยสอนใจฉันอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เหมือนกับที่มันเคยสอน
ฉันให้มองโลกอย่างมีความสุขมาแล้ว
ฉันมีความสุข...
การ์ตูน ขายหัวเราะ
ฉบับประจำวันพุธที่
14-20 กุมภาพันธ์ 2550
ความสุขอยู่ในทุกหนแห่งและอยู่ที่ตัวฉันเอง...อยู่ที่ฉันจะตั้งใจมองหา
มันในทุกสิ่งรอบข้างเองหรือไม่เท่านั้น...
แหล่งที่มาจาก FW
No comments:
Post a Comment