Showing posts with label เตือนภัย. Show all posts
Showing posts with label เตือนภัย. Show all posts

May 14, 2011

อันตรายมาก! อย่าเปิดแอร์ ทันทีที่คุณขึ้นรถ

Please note and circulate...

Do not turn on A/C immediately as soon as you enter the car!
   



.
   
 

           
อย่าเปิดเครื่องปรับอากาศ  ( แอร์ ) ทันทีที่คุณขึ้นรถ ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจอดรถตากแดดไว้   ให้เปิดหน้าต่างหลังจากขึ้นรถ   และอย่าเปิดแอร์ทันที   ตามผลการวิจัย   แผงหน้าปัทม์         ( คอนโซล ) เบาะที่นั่ง   และน้ำหอมปรับอากาศ   จะสร้างสารเบนซีน   ที่เป็นสารก่อมะเร็งขึ้น  ( อย่างที่คุณได้กลิ่นเหมือนพลาสติคจาง      ในรถ  " โดยเฉพาะอย่างยิ่ง   รถใหม่ " : ผู้แปล ) นอกจากเป็นสาเหตุให้เป็นมะเร็งแล้ว   สารดังกล่าวยังเป็นพิษต่อกระดูก   ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง   และลดจำนวนเม็ดเลือดขาว   ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เป็นโรคลูคีเมีย   และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์มารดาได้           ระดับของสารเบนซีนที่ยอมรับได้ในอาคาร   / ในรถ   คือ   50 มิลลิกรัม   ต่อ   ตารางฟุต   แต่ระดับของสารเบนซีนในรถที่จอดอยู่ในร่มมีค่าอยู่ที่   400 - 800 มิลลิกรัม   หากรถจอดอยู่กลางแจ้งที่มีอุณหภูมิสูงเกินกว่า   60 องศาฟาร์เรนไฮท์  ( 15.5 องศาเซลเซียส  " ในเมืองไทยจอดในร่มอุณหภูมิก็สูงเกินแล้ว " : ผู้แปล ) ระดับของสารเบนซีนจะสูงขึ้นถึง   2000 -4000 มิลลิกรัม   คือสูงกว่าระดับที่ยอมรับได้ถึง   40 เท่า   คนที่อยู่ในรถจะหายใจเอาสารพิษที่สูงเกินมาตรฐานดังกล่าวเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
             ดังนั้นจึงขอ แนะนำว่าให้คุณเปิดประตู   หน้าต่างรถ   ไว้สักระยะเพื่อให้อากาศที่อยู่ในตัวรถออกมาก่อนจะเข้าไปนั่ง   สารพิษที่ร่างกายคุณไม่สามารถขับออกได้โดยง่าย   ซึ่งส่งผลร้ายต่อ   ตับ   ไต   ไส้   พุง  (" สองอันหลังเพิ่มเอง " : ผู้แปล ) จะได้ลดปริมาณล

Sep 7, 2009

ภาพสด-สัญญาณอันตราย เมื่อไปเที่ยวน้ำตก

ไปเที่ยวน้ำตก ก็ระวัง และช่วยบอกต่อแก่คนที่คุณรักด้
วยครับ
สัญญาณต่อใปนี้ ให้รีบขึ้นจากน้ำตก
1. ฟ้าฝนครึ้ม
1.1 ลมเย็นพัดมาจากที่อื่น
2. ฝนลงเม็ด
3. เสียงน้ำดังขึ้นกว่าเดิม จะดังมาแว่วๆใกลๆก่อน
3.1 น้ำตกมีน้ำเพิ่ม อุณหภูมิน้ำเปลี่ยน
4. น้ำแดง
รีบ เอาเด็กๆขึ้นจากน้ำโดยด่วน

ทางที่ดีใปเที่ยวน้ำตกที่ไม่ใช่น่าฝน ( แต่น้ำก็ไม่มีอีก )






























































Sep 6, 2009

คิดให้ดีก่อนตัดสินใจสมรสกับชาวต่างชาติ

กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศหลายแห่ง ว่าหญิงไทย ที่สมรสกับชาวต่างชาตินั้นมักจะเกิดปัญหาในหลายๆเรื่องตามมา โดยได้ขอให้ทางกระทรวงการต่างประเทศ ช่วยเหลือในปัญหาต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น การสมรสอำพรางกับชาวต่างชาติเพื่ออำพรางไปทำงานยังต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือแม้แต่ การสมรสด้วยความรัก เมื่อฝ่ายหญิงย้ายไปอยู่กินกับสามีในต่างประเทศ ต้องมีการปรับตัวอย่างมากทั้งภาษา วัฒนธรรมรวมถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อให้เข้ากับการดำเนินชีวิตประจำวัน บางครั้งก็เกิดความเครียด ทำให้เกิดปัญหากับสามีต่างชาติจนมีปากเสียงจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย และอาจลงท้ายด้วยการหย่าร้างในที่สุด หรือเมื่อกำเนิดบุตรสามีต่างชาติบางรายต้องการแค่ลูกแต่ไม่ต้องการภรรยา บ่อยครั้งมีการหย่าร้างโดยหญิงไทยไม่สามารถเรียกร้องใดๆจากสามีชาวต่างชาติได้ บางรายชาวต่างชาติไม่ยินยอมให้ลูกอยู่กับแม่โดยการลักลอบพาลูกหนีไปจากบ้าน และไปอยู่ที่อื่น โดยหญิงไทยที่เป็นแม่ไม่สามารถตามหาพบ จึงเข้าขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ติดตามหาบุตรของตน หญิงไทยบางรายที่แต่งงานกับชาวต่างชาติอยู่กินจดทะเบียนเป็นสามี ภรรยา เมื่อหญิงไทยเกิดตั้งท้องและได้กำเนิดบุตร แต่สามีชาวต่างชาติไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็ก เพราะหญิงไทยกับชาวต่างชาติที่แต่งงานกันเกิดปัญหาระหองระแหงและไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ดังนั้นสามีชาวต่างชาติจึงไม่เชื่อว่าเด็กที่เกิดมานั้นเป็นลูกตัวเองจริงหรือไม่จึงเกิดปัญหาหย่าร้างและฟ้องร้อง กันเกิดขึ้น

กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนหญิงไทยที่คิดจะสมรสอำพรางกับชาวต่างชาติเพื่อไปทำงานนั้น เมื่อถูกจับได้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และจำคุก หรือ หญิงไทยที่คิดจะสมรสกับชาวต่างชาติ ควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ รวมทั้งเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานหรือย้ายไปอยู่กับสามีชาวต่างชาติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ควรคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจสมรสกับชาวต่างชาติ

FW. Mails

Jun 17, 2008

อย่าชาร์ตแบตโทรศัพท์มือถือไว้ที่หัวเตียง







อันตรายมากสำหรับที่ช๊าจของเทียม อะหลัยไม่ได้คุณภาพ ใช้ไปสักพัก
ไฟ220จะรั่ว แล้วคิดภาพเอาเองครับว่าไฟ220รั่วมาหาแบตร์
จาก winai4u
www.ubmthai.com

Jun 13, 2008

เตือนระวังกิน"ดอกลำโพง"ถึงตายได้ ลักษณะคล้าย"มะเขือ"-หมอชี้เป็นพืชอันตราย







ขอนแก่น - ดร.น.พ.ณรงค์ วงศ์บา ผู้อำนวยการสำนักงาน
ป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ขอนแก่น ได้รับรายงาน
จากสำนักงานสาธารณ สุข จ.ร้อยเอ็ด พบผู้ป่วย 7 คน เข้า
รักษาตัวในโรงพยาบาลร้อยเอ็ดด้วยอาการเหมือนกันคือ คอแห้ง
กระหายน้ำ สายตาพร่ามัว แขนขาอ่อนแรง ปวดท้อง คลื่นไส้
เป็นตะคริว ลิ้นแข็งพูดไม่ได้ พบว่าผู้ป่วยทุกคนมีประวัติรับ
ประทานอาหารร่วมกัน อาหารที่สงสัยคือ "ดอกลำโพงสีขาว
ลวก" เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิต และสำนักงานสาธารณสุข
จังหวัดร้อยเอ็ดดำเนินการควบคุมโรคในพื้นที่แล้วนอกจากนี้
เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2548 สำนักระบาดวิทยาได้รับ
รายงานมีสามเณรที่ จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 8 รูป เข้ารักษาตัว
ที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดด้วยอาการประสาทหลอน จากการสอบ
สวนหาสาเหตุของการป่วยดังกล่าว พบว่าสามเณรอายุในช่วง
13-18 ปี ได้นำผลแห้งของมะเขือบ้า จำนวน 5 ผล ใส่น้ำ
2 ลิตร แล้วนำไปต้มจนน้ำงวดเหลือประมาณ 1 ลิตร แล้ว
เติมน้ำตาลเพื่อลดรสเฝื่อน ผสมน้ำหวาน แล้วนำไปดื่มคนละครึ่ง
ถึง 2 แก้ว หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที หลังดื่มสามเณร
ทุกรูปมีอาการมึนงง วิงเวียนศีรษะ ตาพร่ามัว ประสาทหลอน
พูดคุยไม่รู้เรื่อง บางรายพูดคนเดียว ผุดลุกผุดนั่งไม่เป็นสุข
และวิ่งไปมา บางรายคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย หลังรับการรักษา
ทุกรายอาการหายเป็นปกติดร.น.พ.ณรงค์ วงศ์บา กล่าว
เพิ่มเติมว่า "ดอกลำโพง" หรือ "มะเขือบ้า" หรือ
"แตรนางฟ้า" เป็นพืชล้มลุก มีลักษณะใบและผลคล้ายมะเขือ
ผลยาว 4-5 เซนติเมตร มีหนามขรุขระ ผลมะเขือบ้าจะมี
สารพิษประเภทอัลคาลอย ชื่อว่า สโคโปลามีน ฮายโอโซอามีน
และอะโทรปีน และทุกส่วนของลำต้น ใบ ดอก ผล เกสร ของ
ดอกลำโพงล้วนมีพิษทั้งสิ้น และความร้อนไม่สามารถทำลาย
สารพิษได้ เมื่อคนรับประทานเข้าไปจะแสดงอาการภายใน
30-60 นาที สารพิษจะออกฤทธิ์ช้าๆ ในระบบทางเดินอาหาร
ทำให้เกิดอาการ คอแห้ง กระหายน้ำ กลืนอาหารและน้ำลำบาก
ประสาทหลอนพูดจาเพ้อเจ้อ เป็นตะคริว หัวใจเต้นเร็ว อุณหภูมิ
ในร่างกายสูง อาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

May 17, 2008

ภัยมืดที่สาว ๆ ต้องระวัง

ภัยมืดที่สาว ๆ ต้องระวัง



เคยรู้สึกกลัวเวลาที่ต้องกลับบ้านคนเดียวมืดๆ ระแวงเวลา
ที่ต้องเดินออกจากออฟฟิศคนเดียว หรือผวาเวลาที่ต้อง
นั่งรถแท็กซี่กลับบ้านดึกๆบ้างหรือเปล่า


ไม่ผิดหรอกที่จะรู้สึกแบบนั้น และไม่ต้องกังวลด้วยว่าคุณจะ
กลายเป็นสาวพารานอยด์จนเกินเหตุ หากว่ายังติดตามข่าว
หน้าหนึ่งที่มีคดี ปล้น จี้ หรือทำร้ายร่างกายจากหนังสือพิมพ์
หัวสีแทบทุกวัน แต่ถ้าใครยังคงคิดว่าเรื่องแบบนี้ยังห่างไกล
และมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง กรุณาหยุดดูแผน
ภูมิสถิติเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมข้างล่างสักนิด

สถิติของคดีอาชญากรรมตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน
2550

ภัยมืดที่สาว ๆ ต้องระวัง



คงเห็นกันแล้วว่าช่วงปลายฤดูร้อนย่างเข้าฤดูฝนมีสถิติ
อาชญากรรมร้ายๆกับผู้หญิงค่อนข้างสูง ไหนจะฟ้าฝนที่
ไม่เป็นใจให้ต้องใส่เสื้อผ้าเปียกๆตากฝน ท่ามากลางอากาศ
มืดมัวสลัวครึ้มล่อตาล่อใจมิจฉาชีพ ไหนจะการจราจรติด
ขัดทำให้ต้องกลับบ้านดึกดื่น

รู้ตัวอย่างนี้แล้วเรานี่แหละต้องรู้จักป้องกันตัวเองดีกว่ารอ
คนอื่นมาช่วยแล้วต้องเสียใจทีหลัง


ต่อไปนี้คือบางส่วนจากนิตยสารที่เราหยิบยกขึ้นมา
เพื่อเตือนสาวๆ ให้ระวังภัยมืดใกล้ตัวคุณ!!!

ไม่อยากเสี่ยงควรเลี่ยง 10 ซอยอันตราย

ซอยลาดพร้าว 21 เขตจตุจักร

ซอยวิภาวดี 64 เขตหลักสี่

ซอยจรัลสนิทวงศ์ 37

ซอยจรัลสนิทวงศ์ 89

ซอยสวนผัก 11 เขตตลิ่งชัน

ซอยภิรมย์ เขตสัมพันธวงศ์

ซอยเจริญนคร 23 หรือ ซอยอู่ใหม่ เขตคลองสาน

ซอยวิมุตยาราม เขตบาง

ซอยร่วมรักษา เขตห้วยขวาง

ซอยวัดมะกอก ถนนราชวิถี ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ


ภัยมืดที่สาว ๆ ต้องระวัง



วิธีปฏิบัติตัวเมื่อต้องนั่งแท็กซี่คนเดียว

สาวๆ จ๋า เมื่อหน้าฝนมาเยือนการเดินทางย่อมไม่สะดวก
สบายเหมือนฤดูอื่นๆ แต่เรียกแท็กซี่ได้แล้วก็อย่างเพิ่ง
ดีใจ อย่าเผอเรอนั่งสบายๆ ในแอร์ชุ่มช่ำจนลืมนึกถึง
ความปลอดภัยละ

1. เริ่มตั้งแต่ก่อนขึ้นรถ เวลาเปิดประตูบอกที่หมายให้
ังเกตว่าในรถมีทะเบียนรถที่เป็นแผ่นเหล็กติดอยู่ที่
บริเวณประตูหรือไม่ และสังเกตว่าคนขับหน้าตา ท่า
ทาง ดูน่าไว้วางใจหรือไม่ มีอาการมึนเมารึเปล่า

2. เมื่อขึ้นไปนั่ง ควรจำทะเบียนรถทันที หรือจดใส่
กระดาษไว้ ดูชื่อคนขับ และดูรูปบัตรที่ติดในรถกับคน
ที่ขับว่าตรงกันหรือไม่ แต่จะให้ดีที่สุดควรโทรศัพท
หาคนที่กำลังจะไปหา แล้วบอกไปเลยดังๆ ให้คนขับ
ได้ยินว่า " ฉันขึ้นรถ TAXI เขียว-เหลือง ป้ายทะเบียน
กทม. มจ.xxxx กำลังจะไปแล้วนะ เดี๋ยวเจอกัน" ไม
่ต้องอายเพราะความปลอดภัยของเราใครจะรับผิดชอบ
จริงไหม

3. ถ้าโดยสารคนเดียวควรเลือกนั่งเบาะหลังที่นั่งคน
ขับ โดยนั่งให้ชิดประตูเพราะจะทำให้การพยายามทำ
อันตราย ต่อผู้โดยสารโดยตรงเป็นไปได้ยากขึ้น แต
่เวลาจะลงรถควรลงทางประตูด้านซ้ายเพราะจะได้
เป็นการกันไม่ให้คนขับลงจากรถแล้วมาทำอันตราย
ในระยะประชิดได้

4. พยายามอย่าบอกว่าไม่รู้หรือไม่ชินกับเส้นทาง
ถึงแม้จะมาจากต่างจังหวัด ถ้าคนขับถามว่าไปทาง
ไหนดี ควรบอกไปว่า "ไปทางไหนก็ได้......แต่ให้ด
ีเลือกทางที่รถไม่ค่อยติด และไม่เข้าซอยเปลี่ยว "
ถ้าไม่รู้ทางทั้งคนนั่งและคนขับ อาจเปลี่ยนรถคัน
ใหม่ หรือถามทางกับคนแถวนั้น แต่ที่ที่จอดถามต้อง
ปลอดภัย คนพลุกพล่าน

5. หากคนขับแท็กซี่ชวนคุย ควรคุยเฉพาะเรื่องเส้น
ทางเท่านั้น ไม่ควรคุยเรื่องส่วนตัว เพราะจะเป็นการ
นำไปสู่การคุยเรื่องทะลึ่งลามกได้

6. ขณะนั่งบนรถควรสังเกตอะไรบ้าง

* เส้นทางตลอดเวลาที่ผ่าน อาทิ เช่น ป้ายบอกชื่อถนน
ชื่อซอย ถ้ารู้สึกผิดปกติให้โทรหาญาติหรือเพื่อนโดย
บอกเส้นทางที่ผ่านมาทุกระยะ

* หากคนขับ ปรับกระจกมองข้างหลัง มาดูระดับขา
หรือ ระดับหน้าอกของเรา ควรลงจากรถเพราะอาการ
เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคนขับไม่ให้เกียรติต่อผู้โดยสาร
ผู้หญิง และบ่งบอกว่าเขาอาจกำลังคิดอะไรที่ไม่ดีอยู่
แต่หากจำเป็นต้องนั่งต่อควรเอากระเป๋ามาปิดขาหรือ
เอามากอดอกไว้ ทำท่าทางให้ดูน่าเกรงใจ ที่สำคัญ
ก่อนออกจากบ้านก็ควรจะดูแลตัวเองเบื้องต้นไว้บ้าง
เช่น ไม่แต่งตัวโป๊เกินไป หรือมีเสื้อคลุมที่มิดชิดติดตัว

* ควรสังเกตว่าคนขับขยับมือมาที่ช่องแอร์หรือฉีด
สเปรย์ที่ช่องแอร์หรือไม่ ถ้าผิดสังเกต เริ่มรู้สึกมีอาการ
แปลกๆ เช่น รู้สึกปวดหัว คลื่นไส้จะอาเจียน รู้สึกเหมือน
จะเป็นลม ไม่มีเรี่ยวแรง แสดงว่าคุณอาจโดนมอมยา
ควรหาที่ปลอดภัยคนเยอะๆ สว่างๆ แล้วลงจากรถ รีบ
โทรหาญาติหรือเพื่อนทันที หากโชคดีควรหายใจเอา
อากาศบริสุทธิ์เยอะๆ หาที่พิงแล้วจะค่อยๆ ดีขึ้น

* ควรระวังคนขับบางรายที่ใช้วิธีช่วยขนสัมภาระ แล้ว
พยายามจะแตะเนื้อต้องตัวแบบไม่ตั้งใจ บางคนฉวย
โอกาสนี้ป้ายยาสลบใส่โดยที่ผู้โดยสารไม่รู้ตัว

7. สิ่งที่สำคัญที่สุดเวลานั่งแท็กซี่ คือ

* อย่าคิดว่า " คงไม่มีอะไร นั่งหลายครั้งแล้วไม่เห็นม
ีอะไรเลย" เพราะจะทำให้คุณปิดโอกาสในการระมัด
ระวังภัยของตัวเอง

* อย่าเผลอหลับบนรถแท็กซี่เด็ดขาด ไม่ว่าจะเหนื่อย
ไม่สบาย หรือเมาแค่ไหนก็ตาม

8. ถ้าถูกพาไปที่เปลี่ยว อย่าเปิดโอกาสให้คนขับประชิด
ตัว ควรพยายามชิงหนีออกมาก่อน ถ้าไม่มีอาวุธป้องกัน
ตัวให้เอารถเป็นที่กำบัง หรือ วิ่งรอบรถพร้อมกับ ร้อง
ตะโกนให้คนช่วยเพื่อถ่วงเวลา ถ้านานแล้วยังไม่มีใคร
มาช่วย ให้ตะโกนดังๆ ว่า " ตำรวจมาแล้ว ตำรวจช่วยด้วย
" ให้คนร้ายหันไปมอง แล้ววิ่งสุดชีวิต ถ้าฉวยจังหวะนั้นได้
ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะวิ่งห่างจากคนร้ายได้ประมาณ
100 เมตร

9. ถ้าบอกให้จอดแล้วไม่ยอมจอดแต่ยิ่งขับเร็วขึ้น ก่อนอื่น
ต้องตั้งสติดีๆแล้วเปิดประตูด้านหนึ่ง (ควรเป็นประตูด้านซ้าย
ของเบาะผู้โดยสาร จำไว้ว่าเราต้องนั่งเบาะข้างหลังคนขับ)
ให้สะบัดค้างไว้นอกรถเพื่อสร้างจุดสังเกต มีโอกาสเป็นไปได้
สูงที่จะมีคนสังเกตเห็นและช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ภัยมืดที่สาว ๆ ต้องระวัง



ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้สกัด 7 จุดสำคัญ

1. บริเวณศีรษะ
จุดอ่อนสำคัญที่จะหยุดคนร้าย ได้แก่ ดวงตา หู จมูก ขมับ
ท้ายทอย ปลายคาง โดยเลือกใช้สิ่งของที่มีลักษณะแหลมๆ
แทงไปตรงจุดดังกล่าว หรือฉีดน้ำหอม/น้ำยาดับกลิ่นปาก
ไปที่ตา รับรองคนร้ายไม่รอดแน่

2. ลูกกระเดือก
ควานหาของแหลมๆ เช่น กุญแจ แปรงสีฟัน หรือ มาสคารา
ก็ได้ แทงเข้าไปบริเวณนี้จะมีผลทำให้กระดูกอ่อนของกล่อง
เสียงโจรแตกจนถึงขั้นพูดไม่ได้ก็มี

3. ลิ้นปี่
ตรงกลางบริเวณท้องส่วนบน อาจจะใช้สมุดเล่มหนา แปรง
สีฟัน หรือโทรศัพท์มือถือ กระทุ้งไปตรงจุดนี้ให้เต็มแรง คน
ร้ายจะเกิดอาการจุก ตัวงอและล้มลงได้

4. เป้ากางเกง
ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ และง่ายต่อการจู่โจม หากผู้ชายถูก
กระแทกบริเวณนี้จะอ่อนแรงลง ยิ่งถ้าแรงมากจะส่งผลให้
ลูกอัณฑะแตกถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

5. หน้าแข้ง
วินาทีนี้แล้วคงไม่ต้องนึกเสียดายของกันแล้วละ หยิบของ
ที่แข็งแรงพอจะเหวี่ยงได้เช่น กล้องดิจิตอล ฟาดสุดแรง
เข้าที่หน้าแข้งไปเลยเพื่อสร้างความเจ็บปวดและทำให้เสีย
การทรงตัว เป็นโอกาสให้รีบวิ่งเอาตัวรอด

6. หลังเท้า
ถึงตอนนี้รองเท้าส้นสูงที่สาวๆ มักบ่นว่าปวดเมื่อยยามสวม
ใส่จะกลายเป็นประโยชน์ยามคับขัน เหยียบไปอย่างแรง
ย้ำๆๆๆ จะยิ่งดีและถ้ายังมีโอกาสให้ตามด้วยยุทธศาสตร
ข้ออื่นอีกก่อนผละหนี

7. นิ้วมือ
อาจจะใช้ที่ดัดขนตาหนีบไปที่นิ้วมืออย่างแรงหรือหักนิ้ว
ไหนก็ได้กลับอีกด้าน วิธีนี้ต่อให้คนร้ายตัวใหญ่แค่ไหน
ก็ต้องสยบ

From : Forward Mail

May 4, 2008

อันตราย....ภัยมืดในถังน้ำแข็ง




อากาศร้อนแรงอย่างบ้านเราลองได้ดื่มน้ำหวานใส่น้ำแข็งเย็นเจี๊ยบ
สักแก้ว ก็ช่วยให้ชื่นใจ เย็นกายได้ไม่น้อย แต่ทุก ๆ ท่านเคย
ลองสังเกตหรือตั้งคำถามกับตัวเองมั้ยว่า น้ำแข็งที่เสิร์ฟภายในร้าน
ีความสะอาดปลอดภัยแค่ไหน ??? หรือแทนที่จะชื่นใจใบหน้า
ก็กลับร้อนผ่าวขึ้นมาเพราะท้องเสียแบบตั้งตัวไม่ติด เพราะน้ำแข็ง
เจ้ากรรมดันทำพิษ

อากาศร้อนแรงอย่างบ้านเราลองได้ดื่มน้ำหวานใส่น้ำแข็งเย็นเจี๊ยบ
สักแก้ว ก็ช่วยให้ชื่นใจ เย็นกายได้ไม่น้อย แต่ทุก ๆ ท่านเคย
ลองสังเกตหรือตั้งคำถามกับตัวเองมั้ยว่า น้ำแข็งที่เสิร์ฟภายในร้าน
ีความสะอาดปลอดภัยแค่ไหน ??? หรือแทนที่จะชื่นใจใบหน้าก็
กลับร้อนผ่าวขึ้นมาเพราะท้องเสียแบบตั้งตัวไม่ติด เพราะน้ำแข็งเจ้า
กรรมดันทำพิษ

เรื่องนี้ แม้ว่าจะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่มักจะมองข้ามโดยไม่ได้คำนึงถึง
ความปลอดภัย เพราะคิดว่ายังไงน้ำแข็งคงไม่มีพิษมีภัยมากมายนัก
หากเมื่อใดก็ตามที่คุณคิดเช่นนี้ แสดงว่าคุณกำลังจะก้าวสู่ความเสี่ยง
ต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ

ทั้งสิ้น

สัปดาห์นี้ทีมอาสา Food Spy รายงานตรงมาจากร้านอาหารที่เชลล์ไม่
ควรมาชิมย่านสาธุประดิษฐ์ เรื่องมีอยู่ว่า เที่ยง ๆ แดดเปรี้ยงๆ วันหนึ่ง
พลพรรค Food Spy ยกขบวนกันไปเปิบอาหารข้าวแกงสูตรโบราณที่
ความร้อนแรงของเครื่องแกงก็เย้ายวนชวนน้ำลายสอ

แต่สายตาเจ้ากรรมเหลือบไปเห็นฝูงแมลงวันรุมตอมถังน้ำแข็งจัมโบ้ที่อยู่
หลังร้าน Food Spy ขี้สงสัยจึงแอบไปด้อม ๆ มอง ๆ จึงแทบช็อกกับ
ภาพตรงหน้า เมื่อพบว่าวัตถุที่ฝูงแมลงวันตอมหึ่ง ๆ อยู่ คือ เนื้อหมู
เนื้อไก่สด ๆ แดง ๆ ที่ซุกไว้ในกองน้ำแข็ง และไม่ทันไรก็มีมือขาว ๆ
โกยน้ำแข็งกองนั้นใส่แก้วพร้อมเสิร์ฟ

หลังจากนี้คงไม่ต้องมีคำบรรยาย !!!

กรณีแบบนี้ไม่ได้มีแค่ที่นี่ที่เดียว Food Spy ได้แจ้งมาว่า
ร้านอาหารหลาย ๆ ร้าน ยังมีการนำน้ำแข็งที่ไม่สะอาดและ
ถูกสุขลักษณะมาเสิร์ฟให้ลูกค้า

ที่หนักหนาแสนสาหัสกว่านั้น คือในถังน้ำแข็งยังมีการนำผักสด
เนื้อสัตว์วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงประกอบอาหาร และขวดน้ำอัด
ลม มาใส่รวมกันไว้ โดยไม่ได้คิดคำนึงถึงความปลอดภัยหรือ
จะเรียกว่าเป็นความมักง่ายก็คงจะไม่ผิดนัก

ความเป็นจริงแล้วน้ำแข็งที่เหมาะจะนำมาบริโภคนั้น ต้องเป็น
น้ำแข็งที่สะอาดเมื่อละลายแล้วน้ำต้องใสไม่มีตะกอน ถ้าเป็น
น้ำแข็งบดต้องไม่มีเศษวัสดุหรือผงอื่นใดปนมา หรือถ้าจะให้ดี
กว่านี้ ลองแอบเข้าไปดูถึงภาชนะที่บรรจุ ซึ่งอาจจะอยู่ด้านหลัง
ร้านหรือหน้าร้าน โดยภาชนะนั้นต้องสะอาด ปลอดภัยเพราะการ
ที่พ่อค้า แม่ค้านำน้ำแข็งจากภาชนะที่ใช้บรรจุวัตถุดิบสำหรับปรุง
ประกอบอาหารมาเสิร์ฟให้ลูกค้า ก็เหมือนกับการเสิร์ฟเชื้อโรค
ให้ลูกค้าเช่นเดียวกัน

ดังนั้น หากผักสดที่แช่ในถังน้ำแข็ง มีการปนเปื้อนสารเคมีที่ใช้
กำจัดศัตรูพืช คนที่กินเข้าไปก็จะได้รับสารเคมีเข้าไปด้วย หรือ
หากเป็นเนื้อดิบเนื้อไก่ อาหารประเภทนี้จะมีการปนเปื้อนของ
เชื้อแบคทีเรียได้ง่าย เมื่อปนเปื้อนรวมกับน้ำแข็งแล้ว แน่นอนว่า
เรา ๆ ท่าน ๆ ที่กินน้ำแข็งเข้าไปก็จะได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
ที่สำคัญยังทำให้เสี่ยงต่อโรคอุจจาระร่วงที่จะเป็นของแถมได้ด้วย

จึงอยากฝากถึงเจ้าของร้านอาหารที่ยังปฏิบัติเช่นนี้อยู่ควรปรับ
เปลี่ยนสุขอนามัยภายในร้านเสียใหม่ ด้วยการแยกน้ำแข็งที่ใช้
สำหรับแช่วัตถุดิบ ทั้งผัก และเนื้อสัตว์ออกจากน้ำแข็งที่ใช้สำหรับ
เสิร์ฟให้ลูกค้า

และเพื่อความสะอาดปลอดภัย ต้องมีที่ตักน้ำแข็งแบบที่มีด้ามใน
การตัก ไม่ควรใช้มือกอบน้ำแข็งโดยไม่มีปราการป้องกันใด ๆ
เพราะมือเป็นแหล่งที่สะสมและผ่านการสัมผัสเชื้อโรคต่าง ๆ มาก
มายในแต่ละวัน เช่น เพิ่งออกจากการทำภารกิจในห้องน้ำแล้วไม่
มีการล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาด ก็จะทำให้มีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้

นอกจากนี้หากร้านไหนยังคงมีการนำภาชนะที่บรรจุน้ำแข็งวางอยู่บน
พื้น ทางเท้า หรือใกล้ถังขยะก็ต้องเร่งปรับปรุงโดยด่วน !!!!!

เพราะหัวใจของผู้ประกอบการร้านอาหาร ไม่เพียงแต่จะทำให้
ประชาชนพึงพอใจในรสชาติของอาหารเพียงเท่านั้น แต่ต้องเสิร์ฟ
ความสะอาดปลอดภัย ไร้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดิน
อาหารแก่ผู้บริโภคด้วย

ที่มา สสส.

May 1, 2008

สะพานพระนั่งเกล้า ตื่นเต้นๆ

โครมลง ห้อยต่องแต่งๆ สตรัคเจอร์ก่อสร้างหลุด ร่วง
เกาะกับแขนไฮโดรลิคอาร์มไว้เฉยๆ ไม่มีเส้นทางหลีก
เลี่ยง เสี่ยงกันไป คือไทยแท้ อิ อิ






ที่มา : Forward Mail

เตือนภัยแก็งค์ลักล้อรถที่อมตะ
















เตือนภัยแก็งค์ลักล้อรถที่อมตะมันเอากันอย่างงี้แล้วนะคร๊าบ
ท่านผู้ชม


แจ้งเตือนภัยแก๊งค์ ลักยางอะไหล่รถเคยแต่อ่านเมลล์เตือนภัยของ
ท่าน อื่น ๆ ก็หลายครั้งนะครับแต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
บ้าง ดูไว้เป็นอุทาเห่า อุทาหรณ์ก็แล้วกันนะครับ ผมก็ไม่ประมาทแล้ว
คิดว่าป้องกันตัวเองดีแล้วแต่ยังไม่ดีพอครับ


วันเกิดเหตุ : วันที่ 12/3/2551
เวลา : ประมาณ 4:00 น.
สถานที่เกิดเหตุ : หมู่บ้านสุขใจ 3 ตำบลดอนหัวฬ่อ
อำเภอเมือง ชลบุรี

รายละเอียดควาเสียหาย :

1. ยางอะไหล่ ฺBRIGESTONE DULER 245/70/R16
(ใหม่กิ๊กไม่เคยแตะพื้นผิวโลก) พร้อมล้อ Max รวมมูลค่า
ประมาณ
5,000 บาท

2. ตัวล็อกยางอะไหล่ ถูกตัดขาดเสียหาย 1 ตัว มูลค่า
ประมาณ
800 บาท ขอไม่บอกยี้ห้อนะครับเดี๋ยวเค้ามา
ฟ้องผม เอาเป็นว่าถ้าความแข็งของก้านล็อคน้อยกว่า
ความ แข็งของปากคีมตัดยังไงก็ตัดได้ครับ หรือถ้าแข็ง
กว่าก็ใช้แก๊สตัดได้ครับ สรุปว่าแค่ถ่วงเวลาหรือไม่ก็เบน
ความสนใจโจรมือใหม่ ๆ ได้แค่นั้นครับ

3. สายสลิง ขนาด 2 หุน (ใช้ล็อคยางอะไหล่อีก 1 ตัว)
มูลค่าประมาณ
500 บาท การชดเชยค่าเสียหายจาก
บ.ประกันภัย :
ล้อ MAX claim ได้ 100% ยางได้ 50%
ของมูลค่า
แจ้งความไว้ที่ : สภอ.เมืองชลบุรีสาขาดอน
หัวฬ่อ
ลักษณะการลงมือของคนร้าย : นำรถกระบะหลัง
คาสูงมาจอดเทียบแล้วลงมือ คาดว่า คนร้ายมีไม่ต่ำกว่า
2
คน เครื่องมือที่ใช้สันนิษฐานว่าเป็นคีมตัดเหล็กเส้นเพราะ
ูจากรอยตัด คนร้ายลงมือโดยการยกประตูรั้วออกครับ
รถผมจอดไว้ในบ้านนะครับ หันท้ายรถออก เพราะกลัวรถ
หายครับจอดหันหน้าออกหน้าบ้านคนร้ายขโมยได้ง่ายครับ
( เคยมีคนบอกว่าให้ถอดยางอะไหล่เก็บไว้ครับแต่ผมก็กลัว
ว่าถ้าไปยางแบนแล้วต้องกินข้าวลิงก็แย่เลย) รถผมก็ติด
สัญญาณกันขโมยนะครับ แต่ผมตั้ง ความ
Sensitive ไว้
ค่อนข้างต่ำ เอาแค่ทุบรถแล้วดัง ( เพราะถ้าตั้งให้ไวมาก
เจอรถบบรรทุกวิ่งผ่านหรือเจอเด็กแว้นมาเบิ้ลรถใส่ก็ดังแล้ว
มันน่ารำคาญครับ)

Correntive action : Temporary ตอนนี้ก็ให้ช่างมา
เชื่อมเหล็กกันยกตรงจุดหมุนของประตูรั้วครับ ใชัเหล็กเส้น
4 หุน
Preventive action : สั่งทำประตูรั้วใหม่ครับให้สูงกว่าเดิม
กันปีนด้วย แต่ตรงจุดหมุนประตูคงต้องเชื่อมกลับหัวกลับหาง
กันยกครับ แล้วก็ทำผนังข้างบ้านใหม่ก่อให้เต็มเนื่องจากเป็น
ผนังก่ออิฐสูงแค่ประมาณ
1.20 เมตร (แต่ถ้าไฟไหม้ก็น่ากลัว
เหมือนกัน)
เหตุการณ์อื่น ที่เกิดขึ้นในคืนเดียวกัน : วันนั้นมีคน
มาแจ้งความพร้อมผม
6 คัน ครับ

1.ในหมู่บ้านเดียวกัน รถกระบะ MITSUBISHI ป้ายแดงจอด
ไว้หน้าบ้าน คันนี้โดนยางอะไหล่เช่นเดียวกัน

2. ร้าน ไดนาโมตรงข้าม ร้านข้าวต้มดอนเจริญ D-Max hilander
gold series โดยยางอ่ะไหล่ (ล้อ Max ลายเดียวกับรถผมเลย
ยางไซด์เดียวกันด้วย) คันนี้โดนประมาณเกือบ ๆ
5.00น.
ตรงจุดนี้ก็มีคนเห็นรถกระบะหลังคาสูงแต่ไม่ได้เอะในเนื่อง
จากเป็นร้าน ไดนาโมจิงคิดว่าเป็นรถที่มาซ่อม

3. รถเก๋ง Honda ไม่ทราบรุ่นเพราะไม่ได้ถามครับ จอดอยู่ตรง
คลีนิคอมตะ คันนี้โชคร้านหน่อย โดนไป
4 ล้อแล้วเอาไม้หนุน
ไว้ ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว

4. รถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ทราบรุ่นเพราะไม่ได้ถามเช่นกัน โดน 4
ล้อเหมือนคันก่อนหน้า ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวเช่นกัน

5. รถเก๋ง ไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ทราบรุ่นเพราะไม่ได้ถามอีกเช่นกัน
โดนไปสองล้อ เนื่องจากเป็นรถโหลดเตี้ยล้อหน้าติดซุ้มล้อเลย
เอาออกไม่ได้ ที่เกิดเหตุเป็นอพาตเม้นต์

ข้อสังเกตุ : ถ้าเป็นรถกระบะคนร้ายจะเลือกเอาแค่ยางอะไหล่
เนื่องจากง่าย ส่วนล้ออื่น ๆ ไม่เอาเพราะท้องสูงขึ้นแม่แรงยาก
น๊อตล้อก็มีล้อละ
5-6 ตัวด้วยเสียเวลา ถ้าเป็นรถเก๋งเอาหมด
เพราะส่วนท้องต่ำ ขึ้นแม่แรงง่าย น๊อตล้อมีแค่
4 ตัว อันนี้ผม
แนะนำคนที่ยังไม่โดนให้เปลี่ยนน๊อตล้อเป็นน๊อตพิเศษนะครับ
เช่นน๊อต
12 แฉกหรือน๊อตพิเศษอื่น ๆ (ตอนผมเรียนปวช. สอบ
ทักษะช่าง
Taget time เวลาในการถอดล้อ 4 ล้อ ยกล้อลอย
กำหนดไว้
5 นาทีครับ ผมทำได้ประมาณ 5.20 นาที โดยใช้แม่
แรงตะเข้ตัวเดียว) ดังนั้นถ้าคนร้ายทำงานเป็นทีม ไม่ถึง
10 นาที่
ก็หมดแล้วละครับ

เบาะแสของกลุ่มคนร้าย : มีแค่ เป็นว่าเป็นรถกระบะหลังคา
สูงครับมีบางท่านแจ้งมาว่า เป็น
MITSUBISHI STRADA
คิดว่าคนร้ายคงมาดูลาดเลา วางแผน มาร์กจุด แล้วลงมือก่อ
เหตุ คิดว่าเร็วนี้คงยังไม่เกิดเหตุซ้ำครับ เพราะเสี่ยงต่อการจับ
กุมแต่ใครที่ยังไม่โดนก็อย่าประมาทนะครับ ตรงบ้านผมมีรถ
ผ่านเรื่อย ๆ ไม่เปลี่ยวยังโดนเลยครับ จอดอยู่ในรั้วอีกต่างหาก

สุดท้ายนี้ยังไงก็ฝากเตือน ๆ หรือส่งต่อ เพื่อนที่รู้จักด้วยนะครับ
ภาพประกอบ (ถ่ายด้วยความแค้นเลยครับ ตื่นมายังไม่ทันได้
แคะขี้ตาเลย)

ยกออกได้ง่าย ๆ เลย จะทำเหล็กกันยกหลายทีแล้วแต่ชะล่า
ใจครับ
มันตัดแล้วยังโยนไว้ให้ช้ำใจอีก หยามกันจริง ๆ กุดเห็น ๆ
ครับ
มาตรการแก้ไขชั่วคราวครับ



Forward Mail