Jun 13, 2008

เตือนระวังกิน"ดอกลำโพง"ถึงตายได้ ลักษณะคล้าย"มะเขือ"-หมอชี้เป็นพืชอันตราย







ขอนแก่น - ดร.น.พ.ณรงค์ วงศ์บา ผู้อำนวยการสำนักงาน
ป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ขอนแก่น ได้รับรายงาน
จากสำนักงานสาธารณ สุข จ.ร้อยเอ็ด พบผู้ป่วย 7 คน เข้า
รักษาตัวในโรงพยาบาลร้อยเอ็ดด้วยอาการเหมือนกันคือ คอแห้ง
กระหายน้ำ สายตาพร่ามัว แขนขาอ่อนแรง ปวดท้อง คลื่นไส้
เป็นตะคริว ลิ้นแข็งพูดไม่ได้ พบว่าผู้ป่วยทุกคนมีประวัติรับ
ประทานอาหารร่วมกัน อาหารที่สงสัยคือ "ดอกลำโพงสีขาว
ลวก" เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิต และสำนักงานสาธารณสุข
จังหวัดร้อยเอ็ดดำเนินการควบคุมโรคในพื้นที่แล้วนอกจากนี้
เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2548 สำนักระบาดวิทยาได้รับ
รายงานมีสามเณรที่ จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 8 รูป เข้ารักษาตัว
ที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดด้วยอาการประสาทหลอน จากการสอบ
สวนหาสาเหตุของการป่วยดังกล่าว พบว่าสามเณรอายุในช่วง
13-18 ปี ได้นำผลแห้งของมะเขือบ้า จำนวน 5 ผล ใส่น้ำ
2 ลิตร แล้วนำไปต้มจนน้ำงวดเหลือประมาณ 1 ลิตร แล้ว
เติมน้ำตาลเพื่อลดรสเฝื่อน ผสมน้ำหวาน แล้วนำไปดื่มคนละครึ่ง
ถึง 2 แก้ว หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที หลังดื่มสามเณร
ทุกรูปมีอาการมึนงง วิงเวียนศีรษะ ตาพร่ามัว ประสาทหลอน
พูดคุยไม่รู้เรื่อง บางรายพูดคนเดียว ผุดลุกผุดนั่งไม่เป็นสุข
และวิ่งไปมา บางรายคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย หลังรับการรักษา
ทุกรายอาการหายเป็นปกติดร.น.พ.ณรงค์ วงศ์บา กล่าว
เพิ่มเติมว่า "ดอกลำโพง" หรือ "มะเขือบ้า" หรือ
"แตรนางฟ้า" เป็นพืชล้มลุก มีลักษณะใบและผลคล้ายมะเขือ
ผลยาว 4-5 เซนติเมตร มีหนามขรุขระ ผลมะเขือบ้าจะมี
สารพิษประเภทอัลคาลอย ชื่อว่า สโคโปลามีน ฮายโอโซอามีน
และอะโทรปีน และทุกส่วนของลำต้น ใบ ดอก ผล เกสร ของ
ดอกลำโพงล้วนมีพิษทั้งสิ้น และความร้อนไม่สามารถทำลาย
สารพิษได้ เมื่อคนรับประทานเข้าไปจะแสดงอาการภายใน
30-60 นาที สารพิษจะออกฤทธิ์ช้าๆ ในระบบทางเดินอาหาร
ทำให้เกิดอาการ คอแห้ง กระหายน้ำ กลืนอาหารและน้ำลำบาก
ประสาทหลอนพูดจาเพ้อเจ้อ เป็นตะคริว หัวใจเต้นเร็ว อุณหภูมิ
ในร่างกายสูง อาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

No comments: