Apr 25, 2009

เมื่อสิวในวัยผู้ใหญ่กลายเป็นเรื่องใหญ่




สิว

ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเด็กวัยรุ่นเสมอไปค่ะ
บ่อยครั้ง
ที่สาวๆ ในวัยผู้ใหญ่วัยยี่สิบ สามสิบ หรือแม้กระทั่ง
สี่สิบ
ก็เจอได้เหมือนกัน และหากสาวใหญ่คนไหน
มีปัญหานี้ขึ้นมา นอกจากจะกลุ้มใจแล้ว
ยังจะต้อง
มาเจอกับเสียงล้อเลียนอีกว่ายังไม่พ้นวัยรุ่น แหม..

แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่าเรื่องใหญ่ได้อย่างไร จริงไหม
คะ อย่ากระนั้นเลย
เรามาหาทางแก้กันดีกว่าค่ะ

วิธีการแก้ไขปัญหาสิววัยผู้ใหญ่

อย่างแรก
ต้องแน่ใจก่อนนะคะว่า คุณได้ดูแลผิว
พรรณของคุณอย่างเหมาะสมแล้ว
ไม่ว่าจะเป็น
การปรนนิบัติผิวหน้าอย่างอ่อนโยน
ทำความสะอาด
เครื่องสำอางจนหมดเกลี้ยงทุกครั้งก่อนนอน
ล้าง
หน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม วันละ
2 ครั้ง ซึ่ง
ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
ก็มักจะเป็นสบู่อ่อนๆ หรือ
ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าพวกเจล ครีม โลชั่น อ่อนๆ

เพราะการล้างหน้าที่รุนแรง จะเป็นการกระตุ้นให้
ผิวหน้าผลิตน้ำมัน
และยิ่งทำให้สถานการณ์เลว
ร้ายลงไปอีก


คุณสาวๆ อาจจะลองใช้ส่วนผสมที่หาได้จาก
ธรรมชาติเหล่านี้ก็ได้ค่ะ


ใช้น้ำมันของ
tea tree โดยใช้เพียง 1 หยด ผสม
กับน้ำอุ่น
¼ ถ้วย นำมาทาให้ทั่วใบหน้า นอกจาก
นั้น
คุณจะต้องจำไว้ว่า คุณต้องล้างเครื่องสำอาง
บนใบหน้าให้เกลี้ยง
และหากว่าคุณใช้โทรศัพท์
บ่อยมาก
ก็ให้เอาแอลกอฮอล์มาเช็ดโทรศัพท์
อย่างน้อยวันละครั้ง หลีกเลี่ยงการบีบ แกะ แคะสิว

ดื่มน้ำสะอาด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
โดยเฉพาะอาหารที่ให้กากใย หรือไฟเบอร์


หากว่าคุณได้ปฏิบัติตามสิ่งที่แนะนำมาทั้งหมด
ขั้นต้นแล้ว อาการไม่ดีขึ้น
อาจจะต้องปรึกษา
แพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุและหาวิธีการรักษาค่ะ


ความจริงเกี่ยวกับสิว


หลายคนที่คิดว่าสิวเกิดมาจากสุขอนามัยที่ไม่คอย
สะอาดของตัวเอง
ก็มักจะล้างหน้าบ่อยๆ และถูผิว
หน้าแรงๆ
นั่นจะยิ่งทำให้ผิวหน้าระคายเคืองและตาม
มาด้วยสิวอักเสบ
วิธีที่ดีที่สุดคือล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนละมุน ซับให้ผิวแห้ง
และรักษา
สิวโดยทางการแพทย์หลายคนก็คิดว่า สิวเกิดจาก
การรับประทานอาหารที่มันและหวาน
เช่น อาหารทอด
ช็อคโกแลต เป็นต้น
ความจริงอาหารเหล่านี้ไม่
ใช่สาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดสิว
ความเครียดจาก
ชีวิตประจำวันก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการก่อให้เกิดสิว
เช่นกัน
ในทางตรงกันข้ามผู้ที่ใช้ยาลดความเครียด
ตัวยาที่ใช้อาจมีผลข้างเคียงที่ก่อให้เกิดสิวด้วยซ้ำ
ไปความจริงสิวจัดได้ว่าเป็นโรคทางเครื่องสำอาง

(Cosmetic Disease) ที่ไม่อันตราย แต่หากดูแลไม่
ถูกต้องอาจก่อให้เกิดแผลเป็นบนใบหน้าตลอดไป
ได้เช่นกัน


ต้นเหตุของสิวในวัยรุ่นเกิดจากสาเหตุหลัก คือ
ฮอร์โมนแอนโดรเจน
ในร่างกายกระตุ้นให้ต่อม
ไขมันใต้ผิวหนังขยายตัวและทำงานมากขึ้นโดย
มีการสร้างน้ำมันซีบุ้มหลั่งออกมาที่ผิวหนังมากขึ้น


ขณะเดียวกันฮอร์โมนดังกล่าวก็จะกระตุ้นให้เซลล์ผิว
หนังบริเวณรูขุมขนผลัดเซลล์ทิ้งเร็วขึ้น
ทำให้เซลล์เก่า
ที่หลุดลอกออกมารวมตัวกับน้ำมันซีบุ้มไปอุดตันรูขุมขน
นอกจากนี้
ยังมีแบคทีเรียที่อยู่ตามผิวหนังคือ พีแอคเน่
(
P.Acne) แทรกเข้าไปในรูขุมขน ซึ่งจะเพิ่มจำนวนได้
อย่างรวดเร็วในสภาวะดังกล่าว
ผู้ที่เป็นสิวจึงมักพบว่า
สิวจะเห่อขึ้นทั่วใบหน้าอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ
โดย
หลักการแพทย์ สิวทุกชนิดสามารถรักษาให้หายได้
ในระยะเวลาไม่นาน
และไม่ควรเกิดรอยแผลเป็นบน
ใบหน้า


คำแนะนำทั่วไปสำหรับดูแลผิวหน้าที่มีสิว

1. ห้ามบีบแกะหัวสิว เพราะจะทำให้เกิดอักเสบและทิ้ง
รอยแผลไว้ได้
ควรให้แพทย์ที่มีเครื่องมือพร้อมในการทำ

2. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ซับให้แห้ง ห้ามล้างหน้าและถู
ผิวหน้าแรงๆ
จะทำให้สิวรุนแรงจนอักเสบได้ และวิธีนี้
ไม่มีทางรักษาสิวให้หายได้

3. ใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชนิดที่ปราศจากสารก่อสิว
ข้อนี้คงต้องหมั่นศึกษาจากเอกสารที่เผยแพร่ทั่วไป
หรือสอบถามข้อมูลจากนักวิชาการฯ
หรือ อย.

4. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทั้งหลาย เช่น เสื้อผ้าที่ไม่สะอาด
สระผมให้สะอาดอยู่เสมอ
สบู่ก้อนที่ใช้ร่วมกันในห้องน้ำ
อาจเป็นสื่อนำเชื้อแบคทีเรียมาสู่ผิวหน้าได้ง่ายที่สุด

ควรแยกใช้เป็นของส่วนตัวจะถูกสุขอนามัยกว่า

5. เมื่อเริ่มใช้ยารักษาสิว ควรให้โอกาสยาออกฤทธิ์
สักระยะหนึ่งไม่ควรเปลี่ยนยาหรือผลิตภัณฑ์เร็วเกิน
ไปก่อนเห็นผล
อาจสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร
ผู้จ่ายยาว่าระยะเวลาที่เห็นผลนานแค่ไหน



Forward Mails

คนท้อไม่แท้ คนแท้ไม่ท้อ



คนท้อไม่แท้ คนแท้ไม่ท้อ


คำว่าพลิกวิกฤติให้เนโอกาสนั้นมีจริง
เพราะคนชนะ จะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
พอตกงาน เค้าก็จะไปทำอย่างอื่น
จนประสบความสำเร็จ และร่ำรวยขึ้นมาได้

แต่คนแพ้ จะคิดว่าการชนะเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้...
มีเด็กจบปริญญาตรีคนหนึ่ง
ไปมองหาลู่ทางขายของ
เมื่อเห็นว่ามีก๋วยเตี๋ยวขายเยอะแล้ว
ก็หันมาขายข้ามหมกไก่
ขายได้วันล่ะหมื่น แต่อยากเพิ่มเป็นวันล่ะแสน
ก็ขยายเป็น 10 สาขา
ทำให้เดือนหนึ่งมีรายได้มากถึง 3 ล้านบาท

ฉะนั้นแล้ว
อย่าเป็นคนด้านได้ อายอด ใจหด หมดกำลังใจ
เราต้องต่อสู้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น


อย่าไปหมดหวัง ท้อแท้กำลังใจ
"คนท้อ ไม่แท้
คนแท้ ไม่ท้อ"


พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
จากหนังสือธรมะยกกำลังสอง

ขอบคุณบทความจากธรรมะเดลิเวอรี่

6 วิธีง่ายๆ เพิ่ม IQ




1. ช็อกโกแลตช่วยได้


ดื่มช็อกโกแลตร้อนๆ แล้วคุณอาจรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

ราวกับได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ลองเปลี่ยนจากกาแฟ

แก้วเดิมมาเป็นช็อกโกแลตหอมกรุ่น จะช่วยให้สมองมี

พลังวังชาขบคิดปัญหาเครียสๆ แบบผู้ใหญ่ได้ดีทีเดียว

นักวิจัยมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมพบว่า สารฟลา-

โวนอยด์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในช็อกโกแลต

ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองใด้

นานถึง 3 ชั่วโมง นพ. เอียน แมคโดนัลด์ หัวหน้าทีม

วิจัย เปิดเผยว่าข้อดีของช็อกโกแลตคือ ช่วยฟื้นฟูการ

ทำงานของสมองในช่วงที่การรับรู้ของคนเราจะแย่ลง

เช่น ในขณะที่เหนื่อยล้าหรือนอนน้อย ยิ่งถ้าเป็นดาร์ค

ช็อกโกแลตก็จะยิ่งมีฟลาโวนอยด์เข้มข้นขึ้น ลองซด

ช็อกโกแลตอุ่นๆ สักแก้วก่อนเข้าประชุม 10 โมงเช้ารับ

รองว่าสมองคุณจะแล่นปรู๊ดปร๊าดเลยเชียวล่ะ


2. ดนตรีกล่อมสมอง


"ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดาลเป็นคนชอบกลนัก"

ก็ขนาดคนใช้สมองเยอะๆ อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัย

หรือนักศึกษาปริญญาเอกยังนิยมฟังเพลงกันเลย ปัญญา

ชนเหล่านี้บอกว่าฟังเพลงคลาสสิกของบีโทเฟนแล้ว

ทำให้สมองผ่อนคลายได้ ทว่าผลการศึกษาครั้งใหม่

กลับพบว่า ไม่ว่าจะเป็นเพลงคลาสสิกอย่างโมสาร์ต

หรือเฮฟวีเมทัลกระแทกหูอย่างวงสอเตอร์ เฮดก็เพิ่ม

พลังให้สมองได้ทั้งนั้น สถาบัน วอทยาศาสตร์แห่ง

นิวยอร์กหรือ NYAS (New York Academy of

Sciences) พบว่า การฟังดนตรีสุดโปรดไม่ว่าจะ

เป็นแนวไหนก็ตาม ล้วนส่งผลเชิงบวกต่อการรับรู้

ขณะที่วารสาร Nature รายงาน ว่า ถ้าให้ผู้เข้าทดสอบ

ฟังเพลง 10 นาทีก่อนทำแบบทดสอบ พวกเขาจะทำ

คะแนนได้ดีขึ้น เห็นได้ชัดว่าดนครีมีส่วนอย่างมากต่อ

การเพิ่มระดับไอคิว ทีนี้คุณก็มีข้ออ้างในการควักกระเป๋า

ลงทุนกับเครื่องเสียงแจ่มๆ ที่ไพเราะเสนาะหูแล้วสิ


3. นั่งให้ปลอดโปร่ง


คุณเคยเป็นแบบนี้บ้างไหม ยิ่งนั่งจมปลักอยู่บนเก้าอี้

ทำงานนานๆ สมองยิ่งตีบตันคิดอะไรไม่ค่อยออกเคล็ด

ลับหนึ่งที่ช่วยให้สมองโปร่งโล่งสบาย คือการนั่งเก้าอี้

แสนสบาย ผลการศึกษาครั้งใหม่ระบุว่า เก้าอี้นั่งที่ไม่

ค่อยสบายอาจทำให้ความคิดของคุณโดนปิดกั้นไปด้วย

ผลการศึกษาที่มหาวิทยาลัยลันด์ในสวีเดนระบุว่า คน

ส่วนใหญ่ต้องเจอปัญหาเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียง

พอซึ่งเป็นผลจากการนั่งผิดท่า การ บีบอัดกระดูกสัน

หลังด้วยการนั่งหลังค่อมขณะใช้แป่นคีย์บอร์ดจะทำให้เส้น

เลือดที่ไปเลี้ยงสมองหดตัว ผลคือสมองคุณจะขาด

ออกซิเจน ดังนั้นการเลือกเก้าอี้ทำงานดีๆ สักตัวที่ช่วย

ให้คุณนั่งยืดหลังตรงได้ขณะทำงาน จึงสำคัญพอๆ กับ

งานบนหน้าจอของคุณเลยก็ว่าได้


4. พลังจากเนื้อ


ไม่ ว่าคุณจะเป็นมนุษย์ถ้ำหรือมนุษย์ทำงานจอมแกร่ง

กองทับต้องเดินด้วยท้องอยู่ วันยังค่ำ คุณย่อมไม่มีเรี่ยว

แรงพอนัใส่เกียร์ห้าหนีเสือป่าที่จ้องจะขย้ำคอหรือเคาะ

ตัวเลขในรายงานการขายให้สวยหรูได้แน่ถ้าท้องคุณร้อง

โครกครากดังเซ็งแซ่แบบ นี้ การหม่ำเบอร์เกอร์ดีๆ

เติมกระเพาะและพลังงานให้สมองย่อมช่วยได้

ซี โมน พาร์กินสัน นักโภชนาการ แนะนำว่า "เนื้อลูก

แกะอุดมไปด้วยธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 ซึ่งดีต่อ

การฟื้นฟูสมองที่อ่อนล้าให้กลับมากระปรี้กระเปร่า

และถ้าได้แซมไข่แดงลงไปในเบอร์เกอร์ คุณจะได้

โคลีนไปเสริมสร้างการรับรู้ของสมอง ส่วนผักต่างๆ

จะช่วยป้องกัยการเกิดภาวะเครียสจากการที่ร่างกาย

มีสารอนุมูลอิสระมากเกินไป"


5. กินหนึ่งได้ถึงสอง


บางคนที่ไปยิมนอกจากจะเวิร์กเอาต์ให้ได้รูปร่างสม

ส่วน ยังอาจกินอาหารเสริมควบคู่กันไปเพื่อบำรุงกล้าม

เนื้อ สำหรับใครที่เลือกอาหารเสริมเป็นครีเอทีนขอ

บอกว่าคุณตาแหลมมาก เพราะผลการศึดษาครั้งใหม่

พบว่า ครี เอทีนไม่ใช่แค่ดีกับกล้ามเนื้อเพียงอย่าง

เดียว แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อสมองของคุณ

เพราะทั้งช่วยเสริมสร้างสมาธิและความสามารถ

ในการประมวลผลข้อมูลและตัวเลข ต่าง พญ.

แคโรไลน์ เร จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ บอกว่า "อาหาร

เสริมชนิดนี้เพิ่มพลังให้สมองสามารถรับมือกับงานด้าน

การคำนวณ ตลอดจนกระบวนการคิดต่างๆ ให้ดีขึ้น"

อาหารเสริมในรูปแคปซูลจะมีปริมาณครีเอทีนต่อ

หน่วยน้ำหนักมากกว่าแหล่งอื่นๆ ดังนั้นพกแคปซูล

ครีเอทีนติดตัวไปกินตอนเวิร์กเอาต์ช่วงเที่ยงก็เข้า

ท่าดี เพราะนอกจากจะทำให้สมองปราดเปรื่องแล้ว

ยังทำให้กล้ามคมโตสมใจอีกต่างหาก


6. หลับฟื้นความจำ


นี่คงเป็นข่าวดีสำหรับคนชอบนอน เพราะการนอน

หลับพักผ่อนให้เพียงพอทำให้คุณฉลาดขึ้น ผลการ

ศึกษาร่วมระหว่างคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัย

ฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย พบว่า

การ นอนหลับพักผ่อนช่วยกระตุ้นให้คุณดึงความ

ทรงจะในเรื่องที่พึ่งเรียนรู้ไปไม่ นานกลับคืนมาได้

แม้ว่าความทรงจำนั้นจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลใหม่ๆ

ไปแล้วหลายชั่วโมงก็ตาม นพ.เจฟฟรีย์ เอลเลนโบเกน

หัวหน้สทีมวิจัย บอกว่า "นี่แสดงให้เห็นว่า การนอนหลับ

พักผ่อนไม่เพียงช่วยปกป้องความจำแต่ยังมีบทบาท

สำคัญในการเก็บรวบ รวมความทรงจำเข้าด้วยกันอีกด้วย

ครับ" พูดง่ายๆ คือ ความทรงจำในสมองไม่แตกแถวนั่นเอง

นักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดพบว่า หมอนก็

มีผลต่อการนอนเช่นกัน เพราะหมอนที่รองรับสรีระร่างกาย

ในขณะที่หลับได้ดี จะช่วยลดปัญหาการหายใจซึ่งเป็น

อุปสรรคต่อการหลับที่ต่อเนื่องยาวนาน ใครที่อยากนอน

หลับสนิทและตื่นขึ้นมารับวันใหม่ด้วยความสดชื่นสมอง

แจ่มใส เห็นทีต้องลองใช้หมอนเมโมรีโฟม (Memory

Foam) ซึ่งทำจากวัสดุเมโมรีโฟมที่ผ่านกระบวนย่อยเป็น

ปุยๆ ชิ้นเล็กๆ เสมือนเส้นใยไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัติอ่อนนุ่ม

และแน่น

เรื่อง : David Morton

แปลและเรียบเรียง : Nonny

ขอขอบคุณ : Men's Health


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: