แม้ใครๆ จะบอกว่า ?ไร้สาระ? แต่สาวๆ ทั้งหลาย (หรืออาจ
จะรวมถึงหนุ่มบางคนด้วย) ต่างถือว่าเรื่องน้ำหนักตัวเป็น ?
สาระ? อีกอย่างหนึ่งของชีวิต (สำคัญไม่น้อยไปกว่ากิจกรรม
ช็อปปิ้งทีเดียว!!!)
เช่นนั้นเอง หนทางสู่การลดน้ำหนักจึงถูกคิดและค้นขึ้น
หนึ่งในนั้นคือ การใช้กรุ๊ปเลือดเป็นสิ่งกำหนดว่า แต่คน
ควรลดน้ำหนักอย่างไร โดยนักโภชนาการบางกลุ่มศึกษา
และแนะนำว่า คนแต่ละกรุ๊ปเลือดควรรับประทานอาหารที่
เหมาะสม เพื่อลดน้ำหนัก มีสุขภาพดีและไม่เสี่ยงกับโรค
ถึงจะมีคนกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าทฤษฎีนี้เหลวไหลเป็นเหมือน ?
นวนิยายวิทยาศาสตร์? มากกว่า ?ความเป็นจริงทาง
วิทยาศาสตร์? แต่ถึงอย่างนั้นก็มีดาราฮอลลีวูด อย่างเช่น
ลิซ เฮอร์ลีย์ คอร์ตนีย์ ค็อก-อาร์เควต ฯลฯ ใช้ได้ผลมาแล้ว
มาลองดูหลักการของทฤษฎีนี้กันดูหน่อยดีกว่า
หลักการคือ อะไร
ด็อกเตอร์ปีเตอร์ ดีอะดาโม เจ้าของหนังสือ Eat Right For
Your Blood Type เชื่อว่ากรุ๊ปเลือดที่แตกต่างทำให้ร่างกาย
ของแต่ละคนมีปฏิกิริยากับอาหารแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน กรุ๊ปเลือดทำให้เรามีระดับกรดในท้องและเอนไซม์ที่ช่วยใน
การย่อยไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงมีอาหารบางอย่างที่
เหมาะและไม่เหมาะสำหรับคนแต่ละกรุ๊ปเลือด เพราะถ้า
เลือกอาหารย่อยและดูดซึมได้ดีก็จะมีผลดีกับร่างกาย
ทำให้ลดน้ำหนักได้ด้วย
กรุ๊ปเลือดเกิดขึ้นเมื่อใด
เลือดกรุ๊ปแรกที่ค้นพบและจำแนกออกมาได้คือ เลือดกรุ๊ปโอ
ซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ที่มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการล่า
สัตว์ ด็อกเตอร์ปีเตอร์ ดีอะดาโม เชื่อว่าบรรพบุรุษเลือด
กรุ๊ปโอของมนุษย์คือ ผู้ที่มีชีวิตรอดมาได้ด้วยการ
รับประทานอาหารโปรตีนสูงและเนื้อสัตว์
ส่วนเลือดกรุ๊ปเอนั้นปรากฏออกมาเมื่อราว 1.5 หมื่นปีก่อน
คริสตศักราช ซึ่งเป็นเวลาที่การล่าสัตว์สิ้นสุดลง และมนุษย์
หันมาสร้างชุมชนทำไร่นาและสวน แทนที่จะรับประทานแต่
เนื้อสัตว์ พวกเขาก็บริโภคผักและผลไม้ ขณะที่คนเลือดกรุ๊ป
บีนั้นวิวัฒนาการขึ้นช่วง 1 หมื่นปีก่อนคริสตศักราช ในหมู่
บรรพบุรุษมนุษย์ที่เร่ร่อน ทิ้งไร่นาและสวนเพื่อออกเดินทาง
ไปยังดินแดนต่างๆ นั่นหมายถึง คนเลือดกรุ๊ปนี้สามารถ
รับประทานอาหารได้หลากหลายขึ้น
สุดท้ายคือ เลือดกรุ๊ปเอบี ที่เพิ่งจะค้นพบเมื่อราวพันปีก่อน เชื่อว่ามาจากการที่บรรพบุรุษมนุษย์ได้ปรับตัวให้เข้ากับการ
เปลี่ยนแปลงกับการมาถึงของยุคสมัยใหม่ ซึ่งหมายความว่า คนเลือดกรุ๊ปเอบีสามารถรับประทานอาหารผสมผสาน
ระหว่างอาหารที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปเอและเลือดกรุ๊ปบี
ด้วยหลักการนี้ของด็อกเตอร์ปีเตอร์ ดีอะดาโม ก็มีการนำมา
ปรับเป็นสูตรอาหารสำหรับลดความอ้วน เพื่อเลือกว่าอะไร
ที่ควรจะรับประทาน และอะไรที่ไม่ควรรับประทาน
เลือดกรุ๊ปโอ
คนกลุ่มนี้ยังคงเป็นเช่นมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ พวกเขาจึงควร
รับประทานเหมือนบรรพบุรุษนักล่าสัตว์ คือ เลือกอาหาร
โปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ ประกอบด้วยเนื้อและปลา
สามารถรับประทานไข่ ถั่ว ผัก และผลไม้ได้ สิ่งที่ควรงดคือ
นมเนยและธัญพืช รวมถึง ซีเรียล ขนมปัง พาสตา และข้าว
การออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้น ควรเป็นกีฬาที่ต้องใช้พลัง
สูง ไม่ว่าจะแอโรบิก วิ่ง ฯลฯ
เลือดกรุ๊ปเอ
เหมาะกับการรับประทานแป้งและผัก ส่วนเนื้อนั้นควรรับประทาน
เพียงเล็กน้อย ที่ควรงดคือ นมเนย อาหารประเภทถั่วต่างๆ รวม
ไปถึง ซีเรียล พาสตา ข้าว ผลไม้ และผัก เป็นสิ่งที่คนเลือดกรุ๊ป
เอรับประทานได้ควบคู่ไปคือ ออกกำลังกายอย่างสงบนิ่ง เช่น
โยคะ กอล์ฟ ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับร่างกาย
เลือดกรุ๊ปบี
มีเพียงอาหารบางอย่างที่ควรเลี่ยงสำหรับคนเลือดกรุ๊ปบี นั่นก็คือ
อาหารที่ผ่านการปรุงแต่งแล้ว รวมทั้งถั่วและเมล็ดพืชก็ไม่แนะนำ พวกเขาสามารถรับประทานอาหารที่สมบูรณ์ด้วยคาร์โบไฮเดรต
ได้เล็กน้อย เมื่อมาถึงการออกกำลังกายควรเลือกชนิดที่ช่วยเสริม
จิตใจอย่างเช่น การปีนเขา เดินป่า เทนนิส และว่ายน้ำ ทั้งหมด
เป็นกีฬาที่ทำให้พวกเขาได้คิดและอยู่กับตัวเอง
เลือดกรุ๊ปเอบี
อาหารที่เหมาะกับคนกรุ๊ปเลือดนี้ มาจากการผสมผสานระหว่าง
คนเลือดกรุ๊ปเอและบี ซึ่งอาจจะทำให้สับสนเล็กน้อย เพราะว่า
คนเลือดกรุ๊ปบีนั้นสามารถรับประทานอาหารได้เกือบทุกชนิด
ขณะที่เลือดกรุ๊ปเอแนะนำให้รับประทานผัก ทางเลือกหรือทาง
ออกคือ ให้รับประทานผักเป็นหลักและรับประทานเนื้อ ปลา และ
นมเนยบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนการออกกำลังกายนั้นให้ผสม
ระหว่างการออกกำลังที่สงบนิ่งและกิจกรรมที่ใช้กำลังเพียง
ปานกลาง
ในทรรศนะผู้เชี่ยวชาญ
หลายคนเห็นว่าทฤษฎีนี้เหลวไหลไร้สาระ ด้วยไม่มีความเกี่ยว
ข้องระหว่างกรุ๊ปเลือดกับอาหารที่รับประทาน อีกทั้งการงด
รับประทานอาหารบางประเภทในระยะยาวอาจจะทำให้เกิด
ภาวะขาดสารอาหาร โดยเฉพาะคนเลือดกรุ๊ปโอและเอ คำ
แนะนำคือ ใช้หลักการนี้ในช่วงเวลาสั้น (เช่น 1 สัปดาห์) สำหรับการเริ่มต้นเพื่อแผนการมีสุขภาพดีหรือลดน้ำหนัก
อย่างน้อยทฤษฎีนี้ก็แนะนำให้รับประทานอาหารสดเป็น
ธรรมชาติ และ ลดเลิกอาหารขยะฟาสต์ฟู้ด แอลกอฮอล์ ฯลฯ
ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ดี ส่วนน้ำหนักจะลดมากน้อยแค่ไหนนั้น คง
จะขึ้นอยู่กับการเคร่งครัดกับตัวเอง รวมไปถึงการควบคุมและ
หักห้ามใจไม่ให้รับประทานมากเกินไป
จำไว้ว่าทุกอย่างควรดำเนินไปบนทางสายกลาง แต่ละคนก็
มีจุด ?พอดี? ของตัวเอง
เรื่อง รอยนวล
ที่มา โพสต์ ทูเดย์
No comments:
Post a Comment