วันนี้เรามีวิธีป้องกันปัญหาในช่องปากของคุณมาฝากกัน รับรองได้ผลชัวร์ค่ะ
1. เสียวฟัน
หยุดใช้ยาสีฟันประเภทไวเทนนิ่ง ขจัดหินปูน หรือยาสีฟันจำพวกเบกกิ้งโซดาสักพัก ยาสีฟันประเภทนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนและอาจมีสารฟอสเฟต ซึ่งทำให้เสียวฟัน อย่าแปรงฟันแรงๆ เพราะจะทำให้เหงือกร่น หากความเจ็บปวดไม่จางหาย ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อเสริมฟลูออไรด์ให้ฟันของคุณแข็งแรงขึ้น
2. ฟันหลุด
ล้างฟันซี่นั้นซะแล้วรีบใส่กลับเข้าไปใหม่ทันที จากนั้น ให้กัดเบาๆ ลงบนสำลีหรือถุงชาชื้นๆ เพื่อให้ฟันเข้าที่ การกระแทกจนฟันหลุดจะทำให้เอ็นยืดปริทันต์ (Periodontal ligament) ฉีกขาด แต่อาจจะมีบางส่วนที่ยังติดอยู่กับตัวฟัน ถ้าต่อเร็วพอฟันก็อาจติดกับเหงือกอีกครั้ง ซึ่งภายในไม่กี่วันจะรู้สึกว่าฟันแข็งแรง และเมื่อผ่านไป 1-2 เดือน ก็จะแข็งแรงเหมือนฟันซี่ใหม่
3. เพดานปากหรือลิ้นพอง
การที่เพดานปากพอง จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นอ่อนตัวลงและติดเชื้อง่ายขึ้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ Kenalog in Orabase ยาทาคอร์ติโคสเตอรอยด์ซึ่งสร้างชั้นเคลือบลงบนแผลพอง และเร่งการฟื้นตัวสำหรับลิ้นพอง ให้กลั้วปาปกโดยการผสมเกลือ 1 ช้อนชากับน้ำอุ่น 1 แก้ว เกลือ จะดึงเอาเชื้ออกมายังผิวหน้าของเนื้อเยื่อ ซึ่งร่างกายของเราจะทำลายมันเสียนอกจากนี้ เกลือยังทำให้เกิดสภาพเป็นกรดอันจะช่วยฆ่าแบคทีเรียอีกด้วย
4. ร้อนใน
หยดน้ำมันพืชลงบนสำลีและกดที่แผลร้อนในวันละ 3-4 ครั้ง ดร.แมรี่ เอลเลน คาไมร์ ที่ปรึกษาด้านโภชนาการจากนิตยสาร Men?s Health กล่าวว่า ?น้ำมันพืชช่วยเคลือบบริเวณที่ร้อนใน และปกป้องบริเวณนั้นจากการระคายเคืองอีกด้วย?
5. ฟันกร่อนหรือร้าว
เกิดจากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะกินของเย็นจัดหลังของร้อนโดยทันที ซึ่งรอยร้าวนั้นอาจจะเกลี้ยงเกลา หรืออาจทิ้งให้ฟันของคุณเผชิญกับการติดเชื้อหรือฟันผุ แต่ทันตแพทย์สามารถเชื่อมและผนึกรอยร้าว เพื่อไม่ให้ฟันของคุณกลายเป็น Dead Zone! ได้
โดย :ต้นปาล์ม
No comments:
Post a Comment