Dec 22, 2008

วิธีดูธนบัตร

วิธีดูธนบัตร 1000 (มีแถบฟอยล์)

วิธีดูธนบัตร 1000 (ไม่มีแถบฟอยล์)

Dec 17, 2008

Christmas Wallpapers


Christmas Wallpapers - Blue


Christmas Wallpapers - Girls


Christmas Wallpapers - Christmas


Christmas Wallpapers - Christmas


Christmas Wallpapers - Christmas


Christmas Wallpapers - Christmas


Christmas Wallpapers - Christmas




Christmas Wallpapers - haruhi


christmas wallpapers - iphone


christmas wallpapers - Rudy


christmas wallpapers - Masaki Hoshino




christmas wallpapers


14 วิธีขับถ่ายปัสสาวะ เพื่อสุขภาพที่ดี






ไม่น่าเชื่อว่า แม้คนเราจะขับถ่ายปัสสาวะกันมาก ตั้งแต่แรกเกิด แต่หลายคนไม่
ทราบวิธีที่ดีที่ทำให้ระบบขับถ่ายปัสสาวะเป็นปกติ วันนี้จะขอเสนอ 14 อุปนิสัย
ที่ดีในการขับถ่ายปัสสาวะ ....รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามนะคะ

1. อย่ากลั้นปัสสาวะ เมื่อรู้สึกปวดต้องไปปัสสาวะ - เวลาปัสสาวะไม่ควรรีบ

ร้อนเบ่งมาก เพราะอาจทำให้หูรูดปัสสาวะชำรุดได้

2. ควรถ่ายปัสสาวะให้เหลือน้อยที่สุดในหนึ่งครั้ง นั่นคือเมื่อรู้สึกถ่ายหมดแล้ว

ให้เบ่งต่อ อีกนิดหน่อย ปัสสาวะที่เหลือจะไหลออกมา

3. ไม่ควรบังคับให้ตนเองถ่ายปัสสาวะบ่อย เพราะจะติดเป็นนิสัย เวลาที่เหมาะ

สมคือ 2-4 ชั่วโมง ควรถ่ายปัสสาวะหนึ่งครั้ง

4. ให้สังเกตการถ่ายปัสสาวะ และน้ำปัสสาวะของตนเองทุกครั้งว่า ต้องเบ่งมาก

ผิดปกติหรือไม่ น้ำปัสสาวะลำพุ่งดีหรือไม่ ลำน้ำปัสสาวะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม
หรือไม่ น้ำปัสสาวะมีสีเหลืองใส หรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการผิดปกติ
ที่สามารถบอกโรคได้

5. อาจจะล้างทำความสะอาดหลังปัสสาวะ แต่อย่าให้บริเวณนั้นเปียกชื้น เพราะ

อาจเกิดเชื้อราได้ ทางที่ดีหลังปัสสาวะทุกครั้ง ควรซับให้แห้ง

6. เมื่อปัสสาวะไม่ออก ต้องหาสาเหตุโดยการไปพบแพทย์ อย่าซื้อยาขับปัสสาวะ

รับประทานเพราะจะเกิดอันตรายได้

7. เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน การบริหารอุ้งเชิงกรานโดยการขมิบ (ฝ่ายหญิงขมิบช่อง

คลอด ฝ่ายชายขมิบทวารหนัก) วันละ 100 ครั้ง จะช่วยป้องกันอาการปัสสาวะ
เล็ด

8. ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 10 แก้ว หรือหนึ่งลิตร จะช่วยให้น้ำปัสสาวะ

ใส มีจำนวนพอดีและป้องกันภาวะปัสสาวะอักเสบ

9. ก่อนมีเพศสัมพันธ์ และหลังมีเพศสัมพันธ์ คุณผู้หญิงควรถ่ายปัสสาวะทิ้ง จะ

ช่วยป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

10. น้ำปัสสาวะจะต้องเป็นน้ำเท่านั้น ถ้ามีมูก หนอง น้ำเหลือง เลือดปนออก

มา ถือว่าผิดปกติต้องไปพบแพทย์

11. การขับถ่ายปัสสาวะ ต้องขับถ่ายคล่องไม่มีอาการเจ็บปวด ถ้าปัสสาวะ

แสบขัดลำบากนับว่าเป็นอาการผิดปกติ ต้องไปพบแพทย์อีกเช่นกัน

12. คนเราทุกคนต้องปัสสาวะทุกวัน วันละ 4-6 ครั้ง ถ้าไม่ปัสสาวะเลย 1

วัน ถือว่าตกอยู่ในภาวะอันตราย ต้องไปพบแพทย์โดยด่วน

13 ก่อนเดินทางไกล ก่อนยกของหนัก ควรปัสสาวะทิ้งก่อนทุกครั้ง

14. เมื่อคุณปฏิบัติได้ตามนี้เชื่อเลยละ ว่าคุณจะเป็นอีกคนหนึ่งที่มีอุปนิสัยที่ดี

ในการขับถ่ายปัสสาวะ ได้แน่นอนค่ะ


www.innnews.co.th



หลอดเลือดในสมองแตก เรื่องน่าเศร้าที่อาจคาดไม่ถึง




ความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่มาโดยไม่รู้ตัว เหมือนแขกที่ไม่ได้
รับเชิญที่จะมาเคาะประตูชีวิตเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หลายคนวันนี้ยังดีอยู่

พรุ่งนี้อาจพิการ คนที่รู้จักมักคุ้นกันอยู่ดีๆ เมื่อวันวาน วันนี้อาจกลายเป็นเจ้าหญิง
หรือเจ้าชายนิทราไปเสียแล้ว โรคหลอดเลือดในสมองแตก พบว่าเป็นสาเหตุ
สำคัญที่ทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต อย่างเฉียบพลัน โดยผู้ป่วยอาจไม่ทันสังเกต
สัญญาณที่ร่างกายได้พยายามส่งคำเตือนมาให้แล้ว เหตุเพราะคาดไม่ถึงว่าผล
ที่ตามมาอาจร้ายแรงถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้

อาการของโรค

โรคหลอดเลือดสมองแตก คืออาการที่หลอดเลือดในสมองฉีกขาด จึงทำให้เลือด
ออกในสมอง ซึ่งส่งผลให้เสียชีวิตได้ สาเหตุสำคัญเกิดจากภาวะความดันโลหิต
สูง บางคนเรียกโรคนี้ว่า โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดของโรค
ทางระบบประสาท ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มคนสาขาอาชีพใดก็ตาม ล้วนมีโอกาส
เสี่ยงที่จะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต จากโรคหลอดเลือดสมองแตกได้ ยกตัวอย่าง
บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนที่รู้จักกันดี และต้องประสบกับโรคหลอดเลือดสมอง
แตก เช่น เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ลินดา ค้าธัญเจริญ หมอลำ
บุญเพ็ง ไฝผิวชัย ศิลปินแห่งชาติ ศรีหนุ่ม เชิญยิ้ม เป็นต้น

นพ.ประเสริฐ ศัลย์วิวรรธน์ แพทย์ประจำศูนย์สมองและระบบประสาท
โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรคหลอดเลือดในสมองแตก ก่อให้เกิดอาการ
ต่างๆ ทางระบบประสาท ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการอย่างเฉียบพลันทันทีทันใด
แต่กลับใช้เวลาในการฟื้นตัวค่อนข้างนาน ซึ่งหากได้รับการดูแลรักษาที่ถูก
ต้องและรวดเร็วตั้งแต่แรก จะสามารถลดอัตราการตายและพิการลงได้มาก
หรือสามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ โดยหลอดเลือดในสมองแตก
สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

1.หลอดเลือดแตกในเนื้อสมอง มีผลทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทางระบบ
ประสาทขึ้นมาทันที เนื่องจากเลือดที่ออกจะไปกดเบียดเนื้อสมอง ทำให้
สมองทำงานผิดปกติ และนอกจากนี้ยังเกิดความดันในโพรงกะโหลกศีรษะ
เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยมักเกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ถ้ามีเลือดออกมา
เป็นจำนวนมาก หรือเลือดออกในก้านสมอง ผู้ป่วยอาจหมดสติ หรือเสีย
ชีวิตได้อย่างรวดเร็ว

2.หลอดเลือดแตกในชั้นเยื่อหุ้มสมอง สาเหตุมักเกิดจากการโป่งพองของ
หลอดเลือดสมองบริเวณฐานกะโหลกศีรษะ เมื่อมีเลือดออกในทันทีทันใด
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรงมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางคน
อาจหมดสติ หรือเสียชีวิตได้ตั้งแต่ระยะแรก จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการ
รักษาอย่างเร่งด่วน



จากสถิติเมื่อปี 2550 พบว่าคนไทยกว่า 13 ล้านคน เสี่ยงพิการจากหลอด
เลือดสมองแตก/ตีบ/ตัน และมีผู้ป่วยเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ปีละ 1.5 แสน
คน เสียชีวิตจากโรคนี้ปีละกว่า 4.5 หมื่นคน สาเหตุเกี่ยวข้องมาจากหลายโรค
โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป 2-17
เท่าตัว รวมทั้งโรคหัวใจ

รู้ทันปัจจัยเสี่ยง เลี่ยงโรคร้าย

ความน่ากลัวของโรคหลอดเลือดในสมองแตก คือวันนี้คุณอาจพูดคุย หรือทะเลาะ
กับใครต่อใครได้ เดินวิ่ง ทำอะไรด้วยตัวเองได้ แต่วันพรุ่งนี้อาจต้องทนทรมาน
กับการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต แขนขาอ่อนแรง มีลมหายใจแต่ไร้ความรู้สึก ไม่
สามารถควบคุมร่างกายได้ ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าอนาคตจะหาย หรือต้องรอ
ความตายอย่างช้าๆ

ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว สามารถป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัย
เสี่ยงต่างๆ ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การ
ทำงานหนัก ละเลยการออกกำลังกาย บริโภคแต่สิ่งที่ชอบแต่ไร้ประโยชน์
ความอ้วน ความเครียด สูบบุหรี่ ดื่มสุรา การใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ และส่วน
หนึ่งมาจากโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ
ซึ่งส่งผลให้เกิดหลอดเลือดในสมองแตกได้ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ควบคุมได้
แต่หากปล่อยปละละเลยก็จะค่อยๆ สะสมโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวก็ต่อเมื่อปรากฏ
อาการรุนแรงจนสายเกินแก้เสียแล้ว


สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากปัจจัยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น อายุที่สูงวัย
ขึ้น พันธุกรรม เชื้อชาติ เป็นต้น

สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง

อาการส่วนใหญ่ที่ทำให้ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล คือมีอาการแขนขาอ่อน
แรง อาจเป็นซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย บางคนหน้าเบี้ยว หรืออาจมาด้วยอาการ
ชา ตาอาจจะมองเห็นภาพซ้อน หรือมองไม่เห็นข้างหนึ่ง หรือมองเห็นแค่ครึ่ง
หนึ่งของตาแต่ละข้างก็ได้ มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน หรือ
เวียนศีรษะ อาเจียน อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการพูด ซึมลง หรือหมดสติ มีอาการ
ชัก ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการได้หลายๆ รูปแบบ แล้วแต่ตำแหน่งของสมองที่มีการ
ขาดเลือด หรือมีเลือดออกในสมอง

แต่ปัญหาส่วนใหญ่ของคนไทยที่พบ คือรอจนโรคเป็นมากแล้วค่อยไปหาหมอ
ทำให้กว่าจะถึงมือหมอผู้ป่วยก็เป็นอัมพาตไปแล้ว ลองถามคำถามเหล่านี้กับ
ตัวเองดูว่า คุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้บ่อยๆ หรือไม่

- มีอาการปวดหัวในตอนเช้าบ้างหรือไม่

- เคยรู้สึกว่าแขนไม่มีแรงบ้างหรือไม่

- เคยรู้สึกตาพร่ามัวบ้างหรือไม่

หากพบว่าคนใกล้ชิดมีอาการน่าสงสัยว่าอาจเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ให้ลอง
ทดสอบผู้ป่วยโดยให้ผู้ป่วยปฏิบัติ 3 ข้อ เรียกย่อๆ ว่า STR ดังต่อไปนี้

S:(Smile) ให้ผู้ป่วยยิ้ม

T:(Talk)
ให้ผู้ป่วยพูดประโยคที่มีสาระสมบูรณ์ เช่น วันนี้อากาศสดใสดีจัง

R:(Raise) ให้ผู้ป่วย (ยก) ชูแขนสองข้างขึ้น

อาการอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออกมา ถ้าลิ้นม้วนหรือเบี้ยว
ไปข้างใดข้างหนึ่ง แสดงว่าส่ออาการอันตรายแล้ว เพื่อนคนหนึ่งของผู้เขียนเคยเจอ
ปัญหานี้มาแล้ว เธอเล่าว่า

“เคยมีรุ่นพี่คนหนึ่งหกล้มในงานบาร์บีคิวปาร์ตี้ เพื่อนในงานแนะให้ไปหาหมอ แต่
เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร เพียงแต่ใส่รองเท้าใหม่แล้วสะดุดเท่านั้น เจ้าตัวยืนไม่ค่อย
มั่นคงนัก เพื่อนๆ ช่วยปัดเสื้อผ้าให้ แล้วยกอาหารจานใหม่ให้ร่วมสนุกกันต่อ หลัง
จากนั้นสามีแจ้งมาว่า ภรรยาถูกส่งเข้าโรงพยาบาล แต่แล้วก็เสียชีวิตตอน 6 โมง
เย็นของวันต่อมา ถ้าหากเพื่อนๆ รู้จักวินิจฉัยอาการโรค ป่านนี้อาจยังมีชีวิตอยู่ บาง
คนเส้นโลหิตในสมองแตกอาจไม่ตาย แต่ก็อาจเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาต หากผู้ป่วย
ถึงมือแพทย์ภายใน 3 ชม. ก็จะมีโอกาสรอด ถ้าคนข้างเคียงไม่รู้จักวินิจฉัยอาการ
สมองผู้ป่วยก็จะถูกทำลายอย่างร้ายแรง หากคนข้างเคียงเพียงแค่ทดสอบผู้ป่วยด้วย
3 ข้อ ก็สามารถวินิจฉัยอาการได้”

คุณหมอ กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองแตก อาจฟังดูน่ากลัว แต่สามารถป้องกัน
ได้ หันมาเอาใจใส่สุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวให้มากขึ้น ตรวจสุขภาพ
ประจำปี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก กินผักและผลไม้ทุกวัน งดบุหรี่
เลิกเหล้า รู้จักปล่อยวาง ไม่ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความเครียด ทำตัวให้ผ่อน
คลาย เดินทางสายกลางดีที่สุด แล้วคุณก็จะหลุดพ้นจากโรคหลอดเลือดสมองแตก
ได้อย่างแน่นอน

พยายามเป็นคนช่างสังเกตกับอาการผิดปกติ แม้จะเล็กๆ น้อยๆ ในร่างกายของ
เราหรือคนใกล้เคียง โรคร้ายหรือรุนแรงบางอย่างอาจจะแก้ไขได้ ที่เป็นหนักก็จะ
ได้เบาบางลง โรครุนแรงหลายโรคส่วนใหญ่ป้องกันได้ ถ้าเรารู้เสียแต่เนิ่นๆ


รายงานโดย :อนุสรา ทองอุไร
www.posttoday.com



การดูแลสุขภาพในหน้าหนาว




ในช่วงฤดูหนาวเราอาจเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส บางคนที่
เป็นโรคภูมิแพ้อยู่เดิม โดยเฉพาะแพ้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้าน เช่น ขนของสัตว์เลี้ยง
ตัวไรในฝุ่น ก็อาจมีอาการแพ้มากขึ้น

โดยมีอาการจาม น้ำมูกไหล หรือบางคนที่เป็นโรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรังอยู่ก่อน
แล้วก็อาจมีอาการหอบมากขึ้นได้ โดยเฉพาะถ้าติดไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ร่วม
ด้วย นอกจากนั้นปัญหาเรื่องผิวหนังก็เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย เช่น ผิวแห้งคันหลัง
อาบน้ำ ซึ่งพบบ่อยมากในผู้สูงอายุซึ่งมีไขมันใต้ผิวหนังน้อยและต่อมไขมันทำ
งานลดลงตามอายุ หรือคนที่ผิวแห้งอยู่เดิมก็อาจคันมากหรือผิวลอกไปเลย บาง
รายที่เป็นผื่นผิวหนังแพ้อากาศเย็นก็อาจทำให้มีผื่นแพ้อากาศเกิดขึ้นได้ในช่วงนี้

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพ

ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งติดต่อได้ทางระบบหายใจ เช่น ไอ
จาม ทำให้เชื้อโรคกระจายออกมาในอากาศ หรือจากการที่มีเสมหะ น้ำลายของ
ผู้ป่วยเปื้อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได แก้วน้ำ แล้วมือเราไป
สัมผัสมาแล้วเผลอไปจับจมูก จับหน้า ทำให้เชื้อโรคเข้าจมูกหรือตาได้ ส่วน
อาการโรคภูมิแพ้เกิดจากการที่เรามีโอกาสมากขึ้นในการอยู่ใกล้ชิดกับสิ่งที่เรา
แพ้ เช่น พอฤดูหนาวเราและสัตว์เลี้ยงอาจอยู่ในบ้านมากขึ้น ถ้าเราแพ้ขนสัตว์
อาจทำให้มีอาการมากขึ้น หรือเรานอนมากขึ้นในฤดูหนาวทำให้แพ้ตัวไรใน
ฝุ่นตามที่นอน หมอน มุ้งมากขึ้น สำหรับอาการผื่นแพ้อากาศเย็นหรือคันตาม
ผิว ผิวแห้งลอกนั้นเกิดจากอากาศที่เย็นโดยตรง

วิธีการรักษา

โรคไข้หวัดใหญ่โดยทั่วไปจะหายเองภายใน 1 - 2 สัปดาห์ หรือให้การ
รักษาตามอาการ คือช่วงที่มีไข้ก็รับประทานยาลดไข้พาราเซตามอล เช็ดตัว
บ่อย ๆ พักผ่อนมาก ๆ ไม่ตรากตรำทำงานหนัก ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ ถ้าสูบบุหรี่
หรือดื่มเหล้าอยู่ต้องงด และรับประทานยาลดอาการต่าง ๆ เช่น ถ้าไอก็
รับประทานยาแก้ไอ มีน้ำมูกก็รับประทานยาลดน้ำมูก เป็นต้น

ในเด็กควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาลดไข้แอสไพริน เนื่องจากอาจเกิดตับ
วายและสมองอักเสบได้

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการมาก เช่น หอบเหนื่อย ซึม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุซึ่ง
อาจมีไข้ อ่อนเพลีย แล้วมีอาการซึม สับสน ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลง อาจ
ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาการ
ดังกล่าวจะพบเป็นส่วนน้อย สำหรับยาฆ่าเชื้อไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะมักไม่
ต้องใช้ เพราะโรคจะหายได้เอง จึงใช้เฉพาะในรายที่อาการรุนแรงเท่านั้น



การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าสุขภาพดีจะลดโอกาสการเจ็บป่วย
ลง โดยทั่วไปควรปฏิบัติดังนี้

1.รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
เพียงพอและครบหมู่ ดื่มน้ำมาก ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
ไม่ตรากตรำทำงานหนักจนเกินไป

2.อยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท ไม่เข้าไปในที่แออัด โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาด
ของไข้หวัดใหญ่

3.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และยาเสพติดต่าง ๆ เนื่องจากอาจทำให้สุขภาพ
ร่างกายเสื่อมโทรม มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย

4.หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัด และไม่ควรใช้ของร่วมกัน
เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน

5.ล้างมือบ่อยๆ เนื่องจากอาจไปสัมผัสเชื้อโรคที่อยู่ตามสิ่งของต่างๆ เช่น
ราวบันได ลูกบิดประตู แก้วน้ำ เป็นต้น แล้วเผลอไปสัมผัสบริเวณหน้าได้
โดยล้างมือด้วยสบู่ธรรมดา 15-20 วินาที หรือใช้น้ำยาล้างมืออื่น ๆ

6.รักษาร่างกายให้อบอุ่นในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง
ในที่ที่หนาวมากควรสวมหมวกเพื่อลดการถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย

7.หากเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ควรมีผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอจาม
ไม่คลุกคลีกับผู้อื่น และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ

8.สำหรับปัญหาเรื่องผิวหนัง เราควรให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ใส่เสื้อ
ผ้าหนา ๆ ถ้าอากาศหนาวมาก ไม่อาบน้ำนาน ๆ ในที่ที่หนาวมากอาจไม่ต้อง
อาบน้ำวันละสองครั้งเหมือนฤดูอื่น หลังอาบน้ำเช็ดตัวหมาด ๆ ควรทาโลชั่น
หรือน้ำมันทาผิว ในกรณีที่มีปัญหาริมฝีปากแตกควรทาด้วยลิปสติกมันและ
ไม่เลียริมฝีปากบ่อยๆ

ทุกคนจึงควรหมั่นคอยดูแลสุขภาพให้ดีตลอดเวลา เพราะจะเป็นการป้องกัน
โรคที่คุ้มค่าที่สุด และไม่มีใครรู้ว่าความเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นกับตัวเราเมื่อไหร่
หากเราป่วยอาจเป็นมากกว่าคนที่มีพื้นฐานสุขภาพที่ดี สำหรับผู้ที่อายุยัง
ไม่มากก็ควรดูแลสุขภาพให้ดีเช่นเดียวกัน เพราะสุขภาพที่ดีในตอนอายุยัง
น้อยจะเป็นเกราะป้องกันโรคตอนอายุมากขึ้น

http://pooyingnaka.com

"ผ้าพันคอ" เติมเก๋ เพิ่มอุ่น





หนึ่งในแอคเซสเซอรี่ที่ขาดไม่ได้ในช่วงฤดูหนาว คงหนีไม่พ้น "ผ้าพันคอ"
ที่สามารถหยิบมามิกซ์แอนด์แมตซ์กับชุดสวย ชุดหล่อได้ในทุกโอกาส แต่
ครั้นจะผูกผ้าพันคอแบบจับๆ พันๆ ไม่มีลูกเล่นอะไรเลย ก็ดูจะ "ธรรมดา"
ไป ซีเอสพี แชปส์ (CPS CHAPS) มีเทคนิคพันผ้าพันคอที่สามารถ
นำไปใช้ได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง มาแนะนำ

แบบแรก เริ่มด้วย 1.พาดผ้าพันคอ โดยให้ชายทั้งสองข้างเท่ากัน 2.จับ
ปลายผ้าพันคอ (B) คล้องกลับขึ้นไป 3.ดึงปลายผ้าพันคอ (B) ลงมา
ให้ปลายผ้าพันคอทั้งสองด้านเท่ากัน


แบบที่ 2 ขั้นตอนแรกพับผ้าพันคอทั้งสองข้างเท่าๆ กัน 2.พาดผ้าพัน
คอบนไหล่ จากนั้นนำปลายผ้าทั้งสอง (A,B) สอดเข้าช่องระหว่าง
กลางผ้าทั้งสองด้าน 3.ดึงปลายผ้าทั้งสอง (A,B) ลงมา

แบบที่ 3 เริ่มข้อแรกจับปลายผ้า โดยให้ด้าน A ยาวกว่าด้าน B เล็ก
น้อย 2.งอผ้าพันคอ แล้วพาดไว้ที่ไหล่ 3.นำปลายผ้าพันคอด้าน A
สอดเข้าช่องว่างระหว่างผ้าพันคอ 4.ดึงปลายด้าน A กลับมาอีกด้าน
เพื่อให้ทั้งสองด้านเท่ากัน

เติมความเก๋เท่อย่างลงตัว ช่วยเพิ่มความอบอุ่นพอดิบพอดี
http://pooyingnaka.com

Dec 16, 2008

ประโยชน์ของเปลือกส้มโอ

http://www.pattayadailynews.com/images_feature/005_th/0000000628/p3.jpg




เปลือก ผลไม้หลายชนิด สามารถนำไป
ใช้ประโยชน์ได้ เช่น นำไปกลบใต้ต้นไม้
กลายเป็นปุ๋ย โดยไม่ต้องเน่าเสียไปเฉย ๆ
หรือเปลือกทุเรียนสามารถนำไปตากแห้ง
เป็นเชื้อเพลิงได้ ส่วนเปลือกส้มโอก็เช่น
เดียวกัน

วิธีที่จะนำไปใช้ประโยชน์ คือ นำมาต้ม
ทิ้งไว้สักพัก จากนั้นก็นำด้านในของเปลือก
ส้มโอ มาขัดถูกภาชนะพวกอลูมิเนียม
ตะหลิว ทัพพี ฯลฯ ก็จะทำให้สิ่งของ
เหล่านั้น เป็นเงางามเหมือนใหม่อีกครั้ง

ทานส้มโอครั้งหน้า อย่าลืมนำเปลือกส้ม
โอไปใช้ประโยชนกันดูได้.

Dec 12, 2008

ร้องไห้ยังไง เขาจึงจะเห็นใจ?




อาจเป็นเพราะว่าต่อมน้ำตาของเพศหญิงไวต่อความรู้สึก
มากกว่าเพศชาย ผู้ชายมักจะไม่ร้องไห้ การร้องไห้ถือเป็น
สิ่งที่แสดงความอ่อนแอของเขาออกมา พอผู้หญิงร้องไห้
กลับเป็นเรื่องธรรมดา เพราะผู้หญิงร้องไห้มันจะหมายถึง...
ความซื้งใจ ความรัก ความไว้ใจ อย่างเวลาเพื่อนเราร้องไห้
กับเรื่องเศร้าของเรา เราจะรู้สึกยิ่งไว้ใจเพื่อนคนนั้น เวลา
ผู้หญิงดูหนังรัก ผู้หญิงก็จะน้ำตาไหล เลยดูว่าผู้หญิงคนนี้
อ่อนไหว และอ่อนโยนก็เป็นได้ แต่บางครั้ง เวลาเราร้องไห้
จริงๆ เขากลับหาว่าเราสำออย เรียกร้องความสนใจ ก็เป็น
ไปได้เหมือนกัน เอแล้วอย่างนี้จะร้องไห้แบบไหนดี?

ลองดูสถานการณ์ต่อไปนี้ แล้วดูวิธีร้องไห้แบบมีศิลปะที่เรา
เลือกมาจากประสบการณ์จริงของหญิงสาวหลายๆคนที่ลอง
ทำแล้ว...มันเวิร์ค!!!

เดทครั้งแรกในโรงหนัง
ในสถานการณ์ที่ดูหนังเศร้าๆ ถ้าคุณอยากให้น้ำตาไหล ไหล
ออกมาเลย มันจะทำให้คุณดูเป็นผู้หญิงอ่อนโยน เขาอาจ
แอบนั่งยิ้มอยู่ข้างๆหรือส่งผ้าเช็ดหน้าให้ หรือเอามือลูบหัว
คุณ ถ้าเป็นเดทครั้งแรก จะยิ่งทำให้คุณทั้งสองสนิทกันเร็ว
ขึ้น ถ้าคุณเพิ่งทะเลาะกันมา อาจถือโอกาสช่วงนี้ระบาย
ความเจ็บช้ำออกไปกับหนังเลย เขาจะรู้สึกอ่อนลงและอยาก
กอดคุณมากขึ้น
ควร :ร้องไห้เฉพาะตอนจุดสำคัญของหนังจริงๆ ตอนที่น้ำตา
จะไหล เอื้อมมือไปบีบมือเขาเบาๆ หันมามองเขา แล้วถ้าเขา
มองตอบ ยิ้มเล็กๆให้เขา รอยยิ้มกับน้ำตาปริ่มๆของคุณนั่นล่ะ
ทำให้คุณดูเป็นผู้หญิงน่ารัก อ่อนหวานขึ้นอีกเพียบ
ไม่ควร : ร้องไห้เอาเป็นเอาตาย พร้อมเสียงสั่งขี้มูกฮึดฮัด
พร้อมเอาหน้าทั้งน้ำตาของคุณไปป้ายกับเสื้อเขา หรือร้องไห้
สะอื้นเล็กๆเป็นระยะๆไปทั้งเรื่อง อันนี้จะเกิดเสียงที่น่ารำคาญ
มากกว่าน่าเห็นใจ

เมื่อเขาเจอเรื่องแย่
ถ้าคุณร้องไห้ไปกับเขา เขาจะรู้สึกว่าคุณเข้าใจเขา และมัน
เหมือนได้แบ่งความทุกข์ของเขาออกไปที่คุณด้วย เขาจะรู้สึก
เหมือนคุณเป็นเพื่อนยามยาก
ควร : เข้าใจว่ามันยากถ้าจะต้องบีบน้ำตาในขณะที่น้ำตามัน
ไม่ไหล ถ้าทำไม่ได้จริงๆดึงเขาเข้ามากอดแล้วลูบหัวเขาเบาๆ
อยู่กับเขาตรงนั้น จนเขารู้สึกดีที่สุด บอกเขาว่าคุณไม่เป็นไรนะ
ไม่เป็นไร แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
ไม่ควร : ถ้าน้ำตาคุณไหลออกมานิดนึงลองสบตาเขาดู มอง
ตาเขาด้วยความเข้าใจ เขาจะรู้สึกดีขึ้นได้
ควร : คนกำลังเศร้าสิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือเพื่อนคนหนึ่งที่
เขาระบายทุกข์ได้ แต่เขาคงไม่ต้องการแม่อีกคน ก็ไม่ถึงกับ
ต้องนั่งชี้แจงว่าเขาควรทำหรือไม่ควรทำอะไรบ้างหรอก
ไม่ควร : อย่าเสแสร้งถึงขั้นต้องร้องไห้ขนาดหนัก จนเขาหัน
มามองหน้าคุณ ว่าคุณเป็นอะไร เขาน่ะคนเศร้าไม่ใช่หรือ

คำเตือน
สาวไหนที่เพิ่งผิดหวังจากความรักจากการถูกทิ้ง จะเพราะเขา
ของคุณไปมีคนอื่น หรือรักกันอยู่ดีๆ เขาเบื่อคุณแล้วก็ตาม วิธี
ร้องไห้ต่อหน้าเขาเพื่อเรียกร้องความเห็นใจใช้ไม่ได้ผลแน่นอน
เมื่อเขาตัดสินใจทำร้ายคุณได้ขนาดนั้น น้ำตาของคุณจะไม่มี
ความหมายอะไรเลย
อย่าคิดเชียวว่าฉันจะต้องนัดเจอกับเขาปรับความเข้าใจแล้ว
ร้องไห้ให้เขาเห็น ให้เขารู้สึกว่าคุณน่ะรักเขาเหลือเกิน ไม่เวิร์ค
แน่ เขาอาจยิ่งรำคาญและพูดอะไรให้คุณเจ็บใจได้อีก ขอ
แนะนำว่า ให้ร้องไห้คนเดียว ร้องกับเพื่อน กับแม่ กับน้องสาว

จาก ผู้หญิงดอทคอม

Dec 9, 2008

เพิ่มเสน่ห์ดวงตากับแฟชั่นขนตาปลอม


ตอนนี้แฟชั่นขนตาปลอม ยังมาแรง ฮิตติดลมบนอยยู่เลย

ที่เดียว สาวๆหลายคนคงอยากจะมีดวงตาที่สวยปิ๊งและมี
เสน่ห์มากยิ่งขึ้น การติดขนตาปลอมนั้น จะทำให้คุณสาวๆ
ทั้งหลาย มีดวงตาที่เซ็กซี่และกลมโตมากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่
กับการเลือรูปแบบของขนตาด้วยว่าเลือกแบบไหน การติด
ขนตานั้นเหมาะกับสาวๆ ที่มีตาชั้นเดียวมากๆ หรือสาวๆที่มี
ดวงตาเล็ก เพราะจะเพิ่มเสน่ห์ดวงตาให้ชวนหลงไหล ส่วน
ในการติดขนตาปลอมอย่างไรให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดวันนี้เรา
มีวิธีการติดขนตาปลอม ให้ดูเป็นธรรมชาติกันนะคะ สำหรับ
สาวๆ ที่อยากเสริมความสวยให้เด็งกับดวงตากันนะคะ

การเลือกซื้อขนตาปลอม
ขนตาปลอมที่มีขายกันอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด มีหลายแบบ

ให้สาวๆ ได้เลือกซื้อหามาเพิ่มความสวย แต่หากจะเลือกให้
ดูเป็นธรรมชาติจริงๆ ก็มีอยู่ 3 แบบ ด้วยกันค่ะ


1. ขนตาปลอมแบบเป็นแผงเส้นตรง เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบ

ให้ขนตาดูยาวขึ้น




2. ขนตาปลอมแบบเป็นแผง แต่เป็นเส้นสานๆ กัน แบบนี้
ช่วยให้ขนตาเราดูหนาขึ้นค่ะ



3. ขนตาปลอมแบบเป็นช่อ


Tips : สำหรับการเลือกซื้อขนตาปลอม ถ้าอยากติด
ให้ดูเป็นธรรมชาติ ควรเลือกลักษณะของขนตาปลอมที่ไม่
ยาวและหนาจนเกินไป (เลือกขนตาปลอมให้ยาวกว่า
ประมาณ 1/3 ของขนตาจริง ถ้ายาวกว่านั้นบางทีก็ดูเหมือน
“ลิเกหลงวิก” คิดเหมือนกันมั๊ย!) ส่วนขนตาปลอมแบบ
เป็นแผง ควรมีความยาวของแผงขนตาให้พอดีกับความยาว
ของเปลือกตาเรา (เริ่มวัดจากหัวตาบนไปจนถึงขนตาเส้น
สุดท้าย) เพราะหากติดยาวเกินกว่านั้นจะทำให้หางตาดู
ตกและไม่เป็นธรรมชาติค่ะ แต่ถ้าใครซื้อขนตาปลอมมาแล้ว
มีความยาวเกินไป ก็ให้ใช้กรรไกรเล็มขนตาปลอมในส่วนหัว
ตาออกให้เท่ากับความยาวของเปลือกตาที่เราวัดได้ (สาเหตุ
ที่ไม่ควรตัดตรงส่วนปลายขนตาออก เพราะ ขนตาปลอมบาง
แบบเค้าออกแบบมาให้ขนตาส่วนปลายงอนเด้งกว่าส่วนอื่น
ถ้าตัดมันทิ้งไปคงดูไม่งามแน่ๆ เชียว) แต่การเลือกซื้อขน
ตาปลอม จะเลือกแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน
โอกาส และความชอบของแต่ละคนด้วย

เมื่อเลือกซื้อขนตาปลอมที่ถูกใจมาแล้ว ทำตามขั้นตอนต่อ
ไปกันเลยค่ะ

การติดขนตาปลอม: เริ่มจาก

- ดัดขนตาและปัดมาสคาร่ากับขนตาจริงก่อน เพื่อทำให้ขน
ตาปลอมที่จะติดดูกลมกลืนกับขนตาจริงของเรา

- เลือกซื้อกาวติดขนตาปลอมสีเข้มอย่างสีเทาหรือสีดำ เพื่อ
ให้การติดขนตาปลอมเห็นจุดผิดพลาดน้อยที่สุด (ใช้กาวเยอะ
หน่อยบริเวณหัวตาและหางตา เพราะส่วนนี้เป็นส่วนที่หลุดง่าย
ที่สุดเวลาที่เรากระพริบตา) จากนั้นติดขนตาปลอมให้ชิดกับ
โคนขนตาจริงของเราให้มากที่สุด และใช้แปรงที่เค้าให้มา
พร้อมกับกาวติดขนตากดค้างไว้รอจนแห้งดี

- เมื่อมั่นใจว่าติดขนตาแน่นดีแล้ว ให้กรีดอายไลเนอร์ทับ
อีกครั้ง เพื่อปกปิดรอยต่อของขนตาปลอมให้ดูแนบสนิทกลม
กลืนไปกับดวงตา เพียงแค่นี้สาวๆ ก็จะมีขนตางอนงามสวยเด้ง
เพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาดูเด่นขึ้นมากมาย

เคล็ดลับอินเทรนด์กับแฟชั่นขนตาปลอม


Step1 ก่อนอื่นเราควรเลือกขนตาปลอมตามความชอบ
ของเรา หรือตามความต้องการที่จะเปลี่ยนบุคลิกของเราเป็น
แบบไหน ซึ่งแต่ประเภทก็จะมีให้เลือก ทั้งแบบ หนา ยาว
บาง และแฟนซีสีสัน แฟนซีกากเพชร ถ้าคุณสาวๆ อยาก
ให้การติดขนตาปลอมดูเป็นธรรมชาติที่สุด ขอแนะนำการ
ติดขนตาปลอมแบบบาง เพระาจะดูกลมกลืนไม่หรอกตา
แต่ถ้าอยากให้ตากลมโตเหมือนตุ๊กตา ขอแนะนำให้ติด
ขนตาแบหนา ซึ่งการติดขนตาแบบนี้จะเน้นดวงตาให้ชัด
เจนขึ้น และเหมาะมากๆกับสาวๆที่มีดวงตาขั้นเดียว เพราะ
ขนตาปลอมแบบหนาจะดันตาให้เป็นสองชั้นได้

Step2 กาวที่ใช้ติดขนตาต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กับ
การเลือกขนตา ดังนั้นควรใช้การที่มีคุณภาพและไม่เป็น
อันตรายต่อดวงตาของเรา ก็ต้องลงทุนนิดนึงจะสวยทั้งที

Step3 วิธีติดขนตาปลอมให้สวยเด้งตลอดทั้งวัน เริ่ม
จากการตัดแต่งขนตาให้มีความยาวเท่ากับขนาดดวงตา
ของเรา หลังจากนั้นก็ทากาวลงไปที่ขนตาในปริมาณที่
พอดีไม่เยิ้มจนเกินไป จากนนั้นติดขนตาปลอมไล่จาก
หัวตามา จนสุดปลายตา โดยติดขนตาปลอมเหนือขนตา
จริงเพียงเล็กน้อย ให้ติดขนตาอย่างเบามือ กดย้ำเบาๆ
เพื่อความตืดทนนาน รอสักครู่กาวจะค่อยๆแห้งและกลืน
ไปกับสีผิวของเรา

Step4 การถอดขนตาปลอมออก ก็ช่างง่ายแสนง่าย
เพียงค่อยๆดึงขนตาปลอมออกจากหัวตาไปจนถึงปลาย
ตา รับรองว่าไม่เจ็บ และนำมาใช้ได้อีกจนกว่าขนตาปลอม
จะหมดสภาพการใช้งาน

แค่นี้สาวๆก็สามารถสวยได้ ด้วยการติดขนตาปลอมแบบ
ต่างๆ นอกจากไม่ยุ่งยากแล้ว ยังเพิ่มเสน่ห์ให้สาวๆ มี
ความมั่นใจและสวยเด้งกว่าใคร อย่าลืมนะคะว่าดวงตา
เป็นหน้าต่างของหัวใจ


จาก ผู้หญิงนะคะดอทคอม





กลิ่นกับจุดซ่อนเร้น




เมื่อย่างเข้าสู่วัยสาว ร่างกายของผู้หญิงและผู้ชาย จะสร้าง
กลิ่นของร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะนี้จะเป็นสิ่งที่
ช่วยดึงดูดเพศตรงข้ามด้วย สำหรับลูกผู้หญิงบริเวณจุดซ่อน
เร้นหรือที่เรียกว่าช่องคลอดนั้นเป็นอวัยวะที่สามารถทำความ
สะอาดตัวของมันเองได้ตามระบบธรรมชาติได้ส่วนหนึ่ง แต่
บางครั้งมักมีกลิ่นมาให้รำคาญใจ….เลยทำให้ผู้หญิงหลาย
ต่อหลายคนเกิดความสงสัย และกังวลจนเสียความมั่นใจกับ
จุดนี้อีกเยอะ

….เช่นเดียวกับข้อสงสัยที่ว่านี้….คุณเคยเจอหรือเปล่า

รู้สึกว่า พื้นที่จุดซ่อนเร้นมักมีกลิ่นอับๆ สังเกตได้ชัดเจนมาก
เวลาที่เข้าห้องน้ำสิ่งนี้เกิดจากอะไรและแก้ไขอย่างไรดี

กลิ่นอับของบริเวณจุดซ่อนเร้นนี้ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
เรื่องของรูปร่างค่อนข้างท้วม เหงื่อจะออกง่าย ก็เป็นเรื่อง
ธรรมดาที่พอเหงื่อออกแล้ว ก็จะเกิดกลิ่นอับที่ต้นขาและตาม
จุดอับชื้นต่างๆ ของร่างกาย ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดีการแก้
ไขคือ จำไว้ว่าถ้าอยากให้บริเวณไหนของร่างกายมีกลิ่นสะอาด
ก็ต้องทำให้ผิวช่วงนั้นมีความแห้ง โปร่ง สบายให้มากที่สุด
เช่น การเลือกชุดชั้นในควรเลือกเป็นผ้าฝ้ายบางๆ ก็จะดีกว่า
ผ้าหนาๆ หรือเลือกสวมกางเกงที่ไม่รัดต้นขาก็จะดีกว่า กาง
เกงในแบบจีสตริงก็เป็นทางช่วยวิธีหนึ่ง แต่การโรยแป้งอาจ
ไม่แก้ปัญหา กลับทำให้อับมากขึ้น ถ้าอยากใช้น้ำยาอนามัย
เพื่อจุดซ่อนเร้นทำความสะอาดก็ทำได้ แต่อย่าล้างเข้าไปถึง
ข้างใน

จริงหรือเปล่าผู้หญิงที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนมักจะมี
กลิ่นที่จุดซ่อนเร้น

ผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์มานั้น จุดซ่อนเร้นอาจจะมีกลิ่นได้
ง่ายกว่าคนโสดหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับหลายสาเหตุ เช่น ผู้ชาย
ที่ไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย ไม่ได้รักษาความสะอาดของอวัยวะ
เพศของเขาอย่างดีพอเมื่อมีเซ็กซ์กัน มีการสัมผัสกับอวัยวะ
เพศหญิงกับสิ่งสกปรกที่หมักหมมใต้หนังหุ้มปลายองคชาติ
ของผู้ชาย ก็อาจเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น และอีกอย่างหนึ่ง ภาย
ในจุดซ้อนเร้นของผู้หญิงนั้น จะมีลักษณะเป็นกระเปราะ ทำ
ให้อาจมีน้ำอสุจิค้างอยู่หลังการมีเพศสัมพันธ์ก็เกิดโอกาสมี
กลิ่นได้

ทำไมช่วงเวลามีรอบเดือน มักต้องมีตุ่มหรือผื่นแดงขึ้นที่ส่วน
นั้นด้วย ไม่ทราบว่าตัวเองผิดปกติหรือเปล่าและคนอื่นๆ เขา
จะเป็นเหมือนเราไหม

เวลามีรอบเดือน ฮอร์โมนมันเพี้ยน พอฮอร์โมนเพี้ยนไปจาก
ปกติ จะเกิดการระคายเคืองง่าย มีตุ่มและผื่นแดงเกิดขึ้น หาก
รู้สึกว่าเป็นมากก็ควรไปพบแพทย์ ให้เขาใช้ครีมสเตียรอยด์
อ่อนๆ ทา ผิดปกติไหม ไม่ผิดหรอก เพราะหลายๆ คนก็มัก
มีอาการแบบนี้คือผิวอ่อนไหวกว่าเดิม

การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อจุดซ่อนเร้น จะช่วยให้ผิวที่เป็นรอยแดง
ช่วงขาหนีบนุ่มขึ้นรอยแดงหายไปด้วยหรือเปล่า

จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกัน เพราะรอยผื่นและรอยแดงมีสาเหตุได้
หลายอย่าง เช่น แพ้ขอบยางกางเกงในหรือใช้แผ่นอนามัยที่
ไม่ค่อยได้คุณภาพ อีกพวกหนึ่งคือบริเวณขาหนีบชิ้นหรือต้น
ขาใหญ่ ก็เกิดผื่นได้ถ้าเป็นผื่นมากก็ควรไปหาหมอเพื่อจะได้
รักษาให้ถูกวิธี เช่น อาจให้ครีมที่เป็นสเตียรอยด์อ่อนๆ มาทา
รอยแตกจากการใช้น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น

ช่วงเวลาที่มีรอบเดือนจะรู้สึกว่าแพ้ผ้าอนามัยโดยมีอาการคัน
และเป็นผื่นแดงๆ ที่ข้างๆ ขาทุกครั้ง จะมีวิธีป้องกันหรือแก้ไข
อย่างไรบ้าง

วิธีที่ง่ายที่สุดคือ เปลี่ยนยี่ห้อผ้าอนามัย เพราะถ้าเกิดใช้ยี่ห้อ
นี้แล้วแพ้ ยี่ห้ออื่นอาจจะไม่แพ้ก็ได้หรือไม่ถ้าเป็นผู้หญิงที่มี
สามีแล้ว ก็อาจใช้วิธีคุมกำเนิดโดยการฉีดยาคุมก็ได้ เมื่อไม่
มีประจำเดือน ก็จะไม่ต้องใช้ผ้าอนามัยและจะได้ไม่แพ้






มีหลายคนบอกว่าการใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นจะทำร้าย
แบคทีเรียที่ดี และเราจะติดเชื้อง่ายขึ้น

แค่ไม่ฉีดเข้าไปภายในช่องคลอดก็พอแล้ว แต่ถ้าเป็นการทำ
ความสะอาดเฉพาะผิวภายนอกดีที่สุดคือใช้น้ำสะอาด ล้าง
หลายๆ ครั้งก็สะอาดขึ้น หรือถ้ามีพวกไขมันมาเกาะก็ใช้น้ำอุ่น
ล้าง แต่ห้ามล้างเข้าไปข้างในเด็ดขาด หากอยากให้ร่างกายมี
แบคทีเรียที่ดีก็พยายามดื่มพวกโยเกิร์ตหรืออะไรที่มีส่วนผสม
ของแลคโตบาซิลลัส ก็จะทำให้ร่างกายเรามีแบคทีเรียที่ดีไว้
ป้องกันเชื้อโรค

เด็กเล็กๆ วัยอนุบาลหรือวัยประถม จะใช้น้ำยาทำความสะอาด
จุดซ่อนเร้นได้หรือเปล่า

ไม่ควรใช้น้ำยาเหล่านี้กับเด็กๆ เด็ดขาดจนกว่าจะอายุ 15 ปี
ขึ้นไป เพราะสำหรับเด็กเล็กๆ นั้นใช้การทำความสะอาดแบบ
ธรรมดาๆ ก็พอเพียงแล้ว

สบู่ โฟม หรือน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เลือกใช้อย่างไร
ให้ถูกสุขลักษณะที่สุด

ไม่ว่าจะใช้อะไรก็ตาม ก็แล้วแต่รสนิยม ความชอบของแต่ละคน
ผลที่ได้คงไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ น้ำที่
ใช้ล้างทำความสะอาดต่างหาก ที่ต้องแน่ใจว่าเราใช้น้ำสะอาด
จริงๆ ท่านั้น

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจุดซ่อนเร้น

การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นนี้ ควรเลือกด้วย
ความระมัดระวัง เพราะเนื้อเยื่อของผิวส่วนนี้จะมีธรรมชาติที่บอบ
บางและละเอียดอ่อน เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย สิ่งที่ไม่ควรทำ
อย่างยิ่งคือการส่วนล้างช่องคลอดเพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อ
การเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือที่หนักกว่านั้นก็คือ การติด
เชื้อของท่อรังไข่ ซึ่งอาจนำไปสู่การตั้งนอกมดลูกหรือเป็นหมัน
ได้ในอนาคต

ของเหลวที่เรียกว่าตกขาว ซึ่งมีลักษณะเป็นมูกออกมาจากช่อง
คลอดนั้น คือสิ่งที่ร่างกายผลิตออกมาเพื่อช่วยในการทำความ
สะอาดช่องคลอด หากร่างกายปกติ ตกขาวนี้จะไม่มีกลิ่นคาว
ช่วงหลังรอบเดือนจะมีลักษระสีขาวข้นเหมือนขี้ผึ้งแต่จะใสและ
ยืดเหนียว มีลักษณะเหมือนไข่ขาวดิบๆ ในช่วงระยะการตกไข่
นอกจากนั้น ตกขาวยังเป็นสิ่งบอกคุณภาพของจุดซ่อนเร้นได้
เป็นอย่างดีหากตกขาวมีกลิ่นคาวหรือเหม็น มีสีเหลืองหรือเขียว
รวมทั้งมีอาการคันและแสบร่วมด้วย แสดงว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้น
ในช่องคลอด.

จาก ผู้หญิงนะคะ ดอทคอม

Dec 8, 2008

ผลไม้ใกล้ตัวที่กินแล้วอ้วน




การกินผลไม้ กินแล้วดี มีประโยชน์มากมาย แต่บางครั้งก็ต้องเลือกกิน
และกินในปริมาณที่พอดี เพราะมีผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจจะ
ทำให้อ้วนได้

ผลไม้ที่กิน แล้วอ้วนสุด ๆ คือ กล้วยไข่

อันดับ 2 คือ กล้วยน้ำว้า

อันดับ 3 คือ ขนุน

อันดับ 4 คือ กล้วยหอม

อันดับ 5 คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก

อันดับ 6 คือ ลำไยกะโหลกเขียว

อันดับ 7 คือ ลองกอง

อันดับ 8 คือ เงาะ

อันดับ 9 คือ ลางสาด

อันดับสุดท้ายน้ำตาลน้อยสุด คือ ละมุด

แต่ ทุเรียน ก็เป็นผลไม้ ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลสูงมาก ๆ ใครที่กิน
รับรองอ้วนแน่ ส่วนผลไม้ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ได้แก่ แอปเปิ้ล
ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วงดิบ มะละกอ และ แตงโม

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าไม่อยากอ้วนจนเกินไป ลองหาผลไม้ที่กินแล้ว
ไม่อ้วนมากินกันได้.

ข้อดีของการออกกำลังกาย





1. ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง
สมองก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่มีการเสื่อมลงตามวัย แต่การออกกำลังกายช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้ ทำให้สามารถคิดและจดจำได้ดีกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายนอกจากนี้การออกกำลังเป็นประจำ ยังทำให้ดูกระฉับกระเฉง มีสมาธิในการเรียนรู้ได้ดีกว่า

2. ทำให้กระดูกแข็งแรงหนาขึ้น
การกินแคลเซียมเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ควรอออกกำลังกายควบคู่ไปกับการกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง

3. ทำให้ผิวสวย
การออกกำลังกายจะช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายได้มากขึ้น ยิ่งร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้มากขึ้นเท่านั้น จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น

4. ลดความเครียด
การออกกำลังกาย ช่วยลดความวิตกกังวล ผ่อนคลายความเครียดได้ เนื่องจากในระหว่างการออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์หรือสารแห่งความสุข ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น นอกจากนี้การที่ร่างกายได้เคลื่อนไหว จิตใจก็ได้เคลื่อนไหวไปด้วย ทำให้ไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่กังวลอยู่ ส่วนการออกกำลังกายแต่ละชนิด มีผลต่อสมองต่างกันการออกกำลังกายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการทำสมาธิ เช่น โยคะ หรือไทเก๊ก จะช่วยผ่อนคลายความเครียดในสมองได้มากกว่า การออกกำลังกายประเภทที่ต้องออกแรงมาก ๆ

5. ช่วยผ่อนคลายภาวะการปวดประจำเดือน
วิธีธรรมชาติที่ช่วยรักษาอาการปวดท้องเมนได้ดีที่สุด คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ว่ายน้ำ หรือแอโรบิค ถ้าไม่มีเวลาก็ออกกำลังง่าย ๆ ด้วย การซิท-อัพตอนเช้าก็ได้ ยิ่งใกล้รอบเดือน ก็ยิ่งควรซิท-อัพไว้ล่วงหน้า เพราะจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นและช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณมดลูกมีความยืดหยุ่นทำ
งานได้ดีขึ้น

6. ลดอาการท้องผูก
การออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเร็ว ๆ การวิ่งเหยาะ การว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ระบบขับถ่ายได้ระบายของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย
มากขึ้น

7. ทำให้หลับง่ายขึ้น
การออกกำลังกายในช่วงเย็น ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการออกกำลังกายมีผลโดยตรงกับระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

8. ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนแข็งแรง ทำให้หุ่นกระชับสมส่วน

รู้อย่างนี้แล้ว หันมาออกกำลังกายกันวันละนิดเพื่อร่างกายที่แข็งแรง




วิธีขับรถให้ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ




1. ก่อนสตาร์ทรถ ถามตัวเองว่าวันนี้สุขภาพดี พร้อมขับรถหรือไม่

2. เพื่อเป็นการไม่ประมาท ควรขับรถช่วงกลางวันและสภาพอากาศเป็นใจ เพราะทัศนวิสัยที่ดีจะช่วยลดอุปสรรคระหว่างการขับรถได้มาก และอย่าลืมเตรียมทำใจกับสภาพจราจรติดขัดด้วย อย่าใจร้อนหรือรีบเร่ง มุ่งแต่จะขับให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด เพราะจะทำให้ตัวเองยิ่งเครียด หงุดหงิด ไม่ดีต่อสุขภาพ

3. มือจับพวงมาลัย ตามองถนน ไม่วอกแวกหรือเสียสมาธิไปกับสิ่งเร้ารอบตัว เช่น การคุยเล่นกับเพื่อน ๆ ที่นั่งมาด้วยกันจนลืมสังเกตสัญญาณไฟหรือป้ายเตือนต่าง ๆ รวมถึงการไม่คุยโทรศัพท์ขณะขับรถ ควรใช้อุปกรณ์เสริมแทน

4. ตรวจสอบสภาพรถก่อนขับออกจากบ้านว่าไฟหน้า เบรก ที่ปัดน้ำฝน ลมยาง ยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ นอกจากนี้ผู้สูงอายุอาจเลือกติดอุปกรณ์เสริมช่วยให้การขับดีขึ้น เช่น การติดกระจกมองหลังบานใหญ่ขึ้น การติดตั้ง GPS แนะนำเส้นทางขับรถ เป็นต้น

5. ขับรถเคารพกฎจราจรเสมอ

เพียงเท่านี้ ก็จะขับรถได้ปลอดภัยและถูกกฎจราจรด้วย.

Dec 4, 2008

ภูมิคุ้มกันชีวิต


 เรียนรู้ เข้าใจและปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ คุณจะมีความสุข
1. ทัศนคติบวกคือกุญแจของความสำเร็จและความสุขในทุกๆด้าน 
 มีสติจึงเกิดปัญญา
    1.1 ในทุกๆเหตุการณ์มีข้อดีเสมอ อยู่ที่คุณมองเห็นโอกาส หรืออุปสรรค  
(ต้องฝึกฝนเป็นประจำ)
    1.2 ชีวิตและชะตาอนาคตของคุณ คุณคือผู้กำหนดเองว่า จะทำ 
หรือตอบสนองอย่างไรอย่างสร้างสรรค์ (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน) ไม่ว่าคุณ
จะทุ่มเทมากแค่ไหนก็ตาม คุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใครได้ คนที่คุณ
เปลี่ยนได้มีเพียงคนเดียวในโลก นั่นก็คือ "คุณ" ข้อมูลที่คุณได้รับหรือให้ 
เป็นเพียงเหตุผลประกอบร่วมเท่านั้น ผลของการตัดสินใจเป็นเช่นไรขึ้
อยู่กับตนเองทั้งสิ้น
     1.3 ชีวิตต้องตั้งคำถามให้เป็นประโยชน์ เป็นคำถามที่ถามตนเองแล้
วชีวิตมีทางเลือก(ไม่ใช่พบทางตันหรือวนอยู่ในอ่าง คิดเอง เออเอง) คำ
ถามที่ดีจะกระตุ้นกระบวนการทางความคิดเชิงบวก โดยหมั่นใช้คำว่า 
"How to" หรือ "ทำอย่างไร" เช่น เราจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้อย่าง
สร้างสรรค์ (ถามเรื่อยๆ ถามบ่อยๆ ถามตนเองเป็นประจำจะมีทางออกอย่าง
เหมาะสมเสมอ) จงลด ละ เลิก คำถามว่าทำไมคนอื่นจึงเป็นอย่างนั้น ทำไม
ไม่เป็นอย่างนี้ เพราะอะไร... ซึ่งคำตอบจะเกิดจากเราคิดเอง เออเองทั้งสิ้น 
(อาจถูกหรือไม่ถูก แต่ไม่เกิดประโยชน์กับใคร) จะเป็นการสร้างนิสัยย้ำคิด
ย้ำทำเสมือนพายเรือในอ่าง เลิกคิดว่าคนอื่นเป็นเช่นไร มันไม่ใช่หน้าที่คุณ 
หน้าที่ของคุณคือตั้งสติถามตนเองเท่านั้นว่าจะทำอย่างไรอย่างสร้างสรรค์
กับสถานะการณ์นี้

2. เดินเรือมันต้องมีเข็มทิศ ชีวิตมันต้องมีเป้าหมาย
    2.1 เป้าหมายชันเจน วิธีการยืดหยุ่นได้ สิ่งที่คุณควรยึดคือหลักการและ
เป้าหมาย เพราะเมื่อเป้าหมายของคุณชัดเจน คุณอุปสรรคที่อาจเกิดจะเป็น
เรื่องเล็กที่จัดการได้ สิ่งที่คุณต้องยืดหยุ่นคือวิธีการ หรือกระบวนการที่จะทำ
ให้คุณบรรลุเป้าหมายอย่างสร้างสรรค์เท่านั้น (ทำอย่างไร)

3. ไม่มีคนสมบูรณ์แบบในโลก ใครๆก็เคยผิดพลาดกันได้ จงตั้งสติและให้
โอกาส(ตนเอง ผู้อื่น)เรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเสมอ อดีตเปลี่ยนไม่ได้ 
แต่อนาคตคุณลิขิตเองได้อย่างสร้างสรรค์ (คนสมบูรณ์แบบอาจยังไม่เกิด 
หรือตายไปแล้ว)

โดย aacp.hr@gmail.com

คติสำหรับคนทำงาน




เคยดูรายการทีวี สัมภาษณ์บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตท่านหนึ่ง 
นานมาแล้ว นานจนจำไม่ได้ว่าบุคคลท่านนั้นชื่ออะไร รู้แต่ว่าเป็นผู้ผลิต
ดอกไม้ประดิษฐ์ส่งขายต่างประเทศ

ตามประวัติท่านเป็นลูกคนยากจน เป็นเด็กวัดมาก่อน ดิ้นรนทำมาหาเลี้ยงชีพ
ด้วยการประกอบอาชีพหลายอย่าง ล้มเหลวมาตลอด ท้ายสุดได้จับงานด้าน
การประดิษฐ์ดอกไม้จำหน่าย ก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเหมือนกัน อาศัยใจ
สู้ไม่ยอมเลิกรา ทนทำไปเรื่อยในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ สินค้าได้รับความ
นิยมแพร่หลายขึ้นตามลำดับ

ผู้สัมภาษณ์ถามว่า ยึดถือคติธรรม หรือปรัชญาข้อใดในการทำงานจนประสบ
ความสำเร็จ ท่านผู้นั้นบอกว่าไม่มีอะไรมาก ยึด"หนึ่งต้อง สองอย่า" (ถ้าจำ
ผิดก็ขออภัย เพราะมันนานแล้ว)

"หนึ่งต้องคือต้องทำงานที่ตนถนั หมายความว่า บรรดางานต่างๆ อาจมี
หลายชนิดที่ตนไม่ถนัด ก็ไม่ต้องไปริทำ ให้ค้นหาด้วยตัวเองว่างานชนิดไหน
ที่ตนถนัด หรือที่ตนพอจะทำได้ดี ให้เลือกงานชนิดนั้นแล้วทุ่มเทลงไปทั้งชีวิต

บางคนเสียงยังกับเป็ดร้องริอยากจะเป็นนักร้อง อยากออกเทปกะเขาบ้าง 
เพราะเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จมาก แต่ไม่ได้ดูตัวเองว่าเสียงเป็ดๆ อย่าง
นี้ มันพอจะเป็นนักร้องได้ไหม ในที่สุดก็ไปไม่รอด อย่างนี้เรียกว่าไม่ดูตัวเอง
ว่าถนัดในทางนี้หรือไม่

เดี๋ยวนี้เป็นแฟชั่นว่านักแสดง (หรือแม้กระทั่งนางงาม) ก็ต้องเป็นนักร้อง
ด้วย เอาความดังในด้านความเป็นดารามาขายเสียง ก็เป็นได้เพียงบาง
คนเท่านั้น มิใช่ว่าขึ้นชื่อว่าดาราแล้วจะต้องร้องเพลงได้ทุกคน

ตนถนัดทางไหนก็มุ่งไปทางนั้นเถิด สงสารหูคนฟังบ้าง

ท่านผู้นี้บอกว่า เมื่อท่านจับงานมาหลายอย่าง ในที่สุดก็รู้ว่างานด้านการ
ผลิตดอกไม้ประดิษฐ์นี้เป็นงานที่ตนทำได้ และจะทำได้ดีด้วย เมื่อมีความ
มั่นใจว่าถนัดทางนี้จึงทุ่มเทให้ทั้งกายและใจ แม้ว่าในระยะแรกๆ จะประสบ
ความล้มเหลว ก็ไม่เลิกรา คิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องไปถึง "ดวงดาว" แน่นอน 
เพราะท่านว่าท่านมีคติประจำใจอีกอย่างหนึ่งว่า "สองอย่า"

"อย่า" ที่หนึ่งคือ อย่าท้อถอย ทุกครั้งที่ล้มเหลวก็จะท่องมนต์บทว่า 
"อย่าท้อถอย" แล้วกำลังใจก็จะมา ท่านว่าอ่านประวัติบุคคลสำคัญในโลก 
ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้านต่างๆ แต่ละคนล้วนแต่มีความมานะบากบั่น 
ไม่ท้อถอยทั้งนั้น เราต้องไม่ท้อถอยเด็ดขาดว่าอย่างนั้น

"อย่า" ที่สอง อย่าเล็งผลเลิศ การตั้งเป้าหมายสูงเกินไปแล้วทำไม่ได้ 
หรือทำได้ไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็จะทำให้หมดกำลังใจ ท่านผู้นี้บอก
ว่าค่อยๆ ทำค่อยๆ ไป ตั้งเป้าหมายให้ใกล้ๆ สั้นๆ ไว้ แล้วทำให้สำเร็จแต่
ละขั้นๆ ไป ดุจขึ้นบันไดปราสาทที่มีหลายชั้

ไม่ใช่ว่าอยากจะไปถึงชั้นบนปราสาท แล้วก็กระโดดพรวดขึ้นไป ขืนทำ
อย่างนั้นก็มีหวังตกลงมาคอหักตาย จะต้องค่อยก้าวขึ้นทีละขั้นอย่างมั่นคง 
ถึงขั้นนี้แล้วก้าวต่อไปขั้นนั้น ถึงขั้นนั้นแล้วก้าวต่อไปขั้นโน้น ในที่สุดก็จะ
ไปยืนอยู่ที่ปราสาทชั้นบนสมความตั้งใจ

ท่านผู้อ่านลองนำเอาไปปฏิบัติดูสิครับ บางทีอาจประสบความสำเร็จ
อย่างท่านผู้นี้ก็ได้

Fw. Mails


9 สัญญาณบอกว่าเพื่อนกำลังหลอกใช้คุณ




การมีเพื่อนซี้สุดสนิท ที่เที่ยวออกไปไหนมาไหน ด้วยกันตลอดเวลา
นั้นไม่ได้หมายความว่า เธอจะเป็นเพื่อนที่ดีเสมอไป บางครั้งเราอาจ
กำลังถูกเพื่อนเอาเปรียบ โดยไม่รู้ตัว มาดูสิว่าอะไรคือ สัญญาณที่
บอกให้รู้ว่า เรากำลังถูกเพื่อนหลอกใช้

1. เพื่อนชอบขอร้องให้เราทำเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี รู้สึกผิด

 หรือรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ

ข้อ นี้ละตัวดีนัก คิดดูสิ เดี๋ยวก็ขอให้เรามาทำนู้นให้ทำนี่ให้ ซึ่งล้วน

 แล้วแต่เป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ ไม่อยากทำ บางเรื่องอาจไม่ใช่ เรื่อง

ถูกหรือ เรื่องผิด แต่เป็นเรื่องที่เราไม่ช้อบไม่ชอบ เช่น รู้ทั้งรู้ว่า เรา

ไม่ชอบกิน ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ ไม่ชอบกินข้าวร้านนั้น หรือไม่ชอบหน้า 

เพื่อนคนนี้ ก็ยังบังคับให้เราไปกิน หรือชวนเราไป นั่งคุยกับเพื่อน 

ที่เราไม่ชอบหน้า โดยไม่สนใจความ รู้สึก ของเรา ไม่สนว่า เราจะ

อึดอัด หรือกร เดือกข้าวไม่ลง เพราะคุณเธอชอบ ของเธอ อย่าง

นั้นนี่ ใครจะทำไม

2. ชอบโม้แต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น

วู้ยเหลือจะทนจริงๆค่ะ ท่านผู้ชม วันๆเอาแต่นั่งโม้นั่งสาธยาย แต่

เรื่อง ของตัวเอง เช่น ฉัน เพิ่งซื้อกระเป๋าลูกลิงใบละห้าพัน แบบ

ใหม่ล่าสุดเลย นะเธอ หรือ เมื่อวานนี้มีลูกอธิบดีมาจีบ แต่ฉันไม่

สนหรอกย่ะ ขนาดวันนี้ หนุ่มหล่อ ลูกนายก (สมาคมอะไรสักอย่าง)

 มาชวนไปทานข้าว ฉันยัง เซย์โน เลยนะ

นอกจากเอาแต่โม้เรื่อง ตัวเองแล้ว ถ้าเราขืนพูดเรื่อง ของเรา 

ออกไป บ้าง คุณเธอนอกจากจะไม่ฟัง ยังเกทับบลั๊ฟแหลกอีก

ต่างหาก ถ้าเราเล่า เรื่อง ความเริ่ดของเราออกไป เธอจะสาธยาย

ความเริ่ดกว่า ออกมาอีก สิบเท่า หรือถ้าเรารำพันถึงความซวย 

เธอก็จะมีเรื่องราวความแสน ซวยของเธอ มาทับถม เรียกว่าเรื่อง

เราจืดไปเลยละ


3. ชอบขอให้เราช่วยโกหกให้

อันนี้รับรองว่าโดนมา แล้วทุกคน ไม่ว่าเรื่องไม้จิ้มฟันยันเรือรบ 

หรือเรื่อง คอขาด บาดตายแค่ไหน ถ้าเป็นตอนเด็กก็ขอให้เรา

ช่วยโกหกพ่อแม่ว่า เมื่อวานอยู่กับเราตลอดเวลา ไม่ได้แอบ

หนีไปเที่ยวที่ไหน แต่ที่แท้ คุณเธอไป ตะแลด***แต๋กับแฟน

ถึงไหนก็ไม่รู้ โตขึ้นมา หน่อยก็ให้ ช่วยหลอกแฟนว่า เมื่อคืน

หรือเมื่อช่วงเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา เธอเฮฮา อยู่กับเรา แต่

ความจริงแอบ หนีไปเที่ยวกับชู้ (หรือแฟนหนุ่มอีกคน) นอก

จากให้ช่วยโกหก เป็นตุเป็นตะ แล้ว ยังให้เราอยู่เฉยๆแต่ ช่วย

อือ ออเป็น แบ็คให้เวลามีใคร มาถาม มาเช็ค พฤติกรรมของ

เธอ เฮ้อ…เหนื่อย แทนแ ม่ปลาไหลจริงจริ๊ง


4. พยายามเปลี่ยนแปลงเราอยู่ตลอดเวลา

นี่คือเพื่อนที่ไม่รัก เราในแบบที่เราเป็นอยู่ แสดงว่าเธอ ไม่

ชอบ บางอย่าง หรือทุกอย่างในตัวเรา และยังทำใจยอมรับ

ไม่ได้ ถึงขนาดพยายาม เปลี่ยน แปลง เราให้เป็นคนแบบ

ที่เธอชอบ พยายามเปลี่ยนแปลง เราตั้งแต่หัว จรดเท้า รวม

ทั้งนิสัยใจคอรสนิยมและการใช้ชีวิต ถ้าทำใจรับ ไม่ได้ขนาด

นี้ จะคบกันต่อไปทำไม จับเข่าคุยให้รู้เรื่องดีกว่า ถ้าเพื่อนยัง

รับไม่ได้ ก็เลิกคบกันเถอะ เพื่อความสบายใจ ของทั้งสองฝ่าย


5. ชอบขอร้องให้เราทำในสิ่งที่เธอเองก็ทำได้

สงสัยเป็นพวกองค์หญิง กลับชาติมาเกิด ถึงต้องมีบ่าวข้า

ทาสบริวารตามล้าง ตามเช็ด หรือคอยทำอะไรให้ตลอด 

ของแบบนี้สังเกตง่ายๆ คุณเธอจะชอบ นั่งเอ้อระเหยวาง

ท่าเป็นคุณนาย คอยชี้นิ้วให้เราทำนู่นทำนี่ให้ แม้แต่จะ

หยิบ น้ำกินเองยังไม่ยอมกระดิก เรียกว่าขยับแต่ปาก 

กระดิกแต่นิ้ว… เพื่อนหนอเพื่อน


6. เป็นเพื่อนกับเราก็เฉพาะเวลาที่เรามีประโยชน์เท่านั้น

เจ็บจริงๆเพื่อนเอ๋ย ทำไมนะเหรอ ก็คุณเธอเป็น เพื่อนกับเรา 

เฉพาะเวลา ที่เรามีรถนะสิ เธอจะรีบแถเข้ามาทันที หลังจากนั้น 

ก็จะติดเราหนึ บ เป็นตุ๊ก แก เกาะเพดาน ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ทำ

ท่าไม่ แยแสเราเท่าไร หรือถ้าพรุ่ง นี้มีสอบ เธอก็จะมาทำก้อร่อ

ก้อติด หวังว่าจะได้ติวข้อสอบ หรือยืมเล็คเชอร์ เก็งข้อสอบ 

ระดับ สมองเพชรของเราไปดู

ข้อนี้สังเกตง่ายๆคือ หากวันใดที่เพื่อนหันมา ทำดีกับเราจนผิด

สังเกต เอาอก เอาใจ เหลือเกิน ให้รีบดูอย่างถี่ถ้วนเลยว่า ใน

ขณะนั้นหรือช่วง เวลานั้นเรา กำลัง ทำอะไร ที่เพื่อนมุ่งหวัง

ประโยชน์อยู่หรือเปล่า

7. ชอบยืมของเราประจำ

ข้อนี้คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก มีอะไรก็วิ่งมายืมยันเต นู่นก็

ยืม นี่ก็ยืม คุณเธอไม่เห็นมีอะไรไว้ใช้เองสักอย่าง


8. โกรธแทบบ้าถ้าเราไม่ทำตามที่เธอต้องการ

เออเอาสิ เวลาถูกขัดใจเพื่อนจะกรี๊ดๆๆขึ้นมาทันที อาละวาด

ราวกับผีบ้า เรียกว่าขัดอกขัดใจไม่ได้เลยละ นี่มันเพื่อนหรือ

แม่กันแน่


9. เวลามีเรื่องเดือดร้อนเพื่อนหายหัว

เจ็บ สุดๆกับเพื่อนสันดานแบบนี้ เวลาเรามีประโยชน์ก็เข้ามา

ทำดีกับเรา เวลามีเรื่องเดือดร้อนก็มาขอให้เราช่วย พอเวลา

เรามีเรื่องเดือดร้อนบ้าง เพื่อนกลับหายหัว ทำตัวเป็นนินจา

ล่องหน หาตัวยากยิ่งกว่าดาราดังๆ เสียอีก ที่ร้ายๆไปกว่าน ั้น 

ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนแล้วเธอต้องมาพัวพันด้วย เธอพร้อมที่ 

จะป้ายความ ผิดให้เราทันที เรียกว่าขอเอาตัวรอดก่อน ไม่สน

อย่างอื่นแล้ว


ถ้าตัดสินใจได้ว่า ถึงเวลาต้องสลัดเพื่อนแบบนี้ทิ้งเสียที คง

ต้องใช้เวลาทำใจหน่อย ก็แหม…คบกันมาตั้งนาน เพิ่งมาเผย

ธาตุแท้ให้เห็น การตัดเพื่อนจึงเป็น เรื่องยาก กว่าที่คิด เพราะ

เป็นประเภทของการตัดสัมพันธ์ที่เลวร้ายที่สุด มันต่างกับ การ

เลิก กับแฟน ซึ่งความสัมพันธ์เชิงชู้สาวแบบนั้น พอตัดแล้วก็

แล้วกันไป เมื่อหมดความ สเน่หาหัวใจก็ย่อมเลิกโหยหา เป็น

การตัดความสัมพันธ์อย่าง เป็นทางการ แต่กับ เพื่อนมักใช้

ความห่างเหิน ค่อยๆถอยออกไปทีละน้อยๆ

ดังนั้นการตัดเพื่อน ที่ยากลำบากและหนักหนาสาหัสที่สุดคือ 

การเลิกคบกันแบบ ปัจจุบันทันด่วนทันทีทันใด โดยที่ยังแก้

ปัญหาในตอนจบไม่ได้ ซึ่งผลที่ออก มามักจะก่อให้เกิดอารมณ์

สับสนและความเจ็บปวดขึ้นในจิตใจ จึงไม่ใช่วิธีที่ดี ที่สุดในการ

ตัดเพื่อน

วิธีที่ดีที่สุดในการ ตัดเพื่อนคือ พูดความจริงออกมาให้หมด 

โดยให้เกียรติกัน และไม่ใช้คำพูดเชือดเฉือนให้อีกฝ่ายเจ็บ

ช้ำ เพื่อที่ว่าต่างฝ่ายต่างสามารถ ทำใจทนรับฟังได้ เวลาคุย

กันให้ใช้ความสงบสุขุม และอธิบายอย่างชัดเจน กระจ่างแจ้ง

ไปเลยว่า ทำไมมิตรภา พฉันท์เพื่อนจึงไม่เวิร์คสำหรับเรา

เทคนิคเวลาเปิดอก คือให้ชี้แจงยกตัวอย่างเหตุการณ์มาเลย

ว่า อะไรเป็นอะไร ตรงไหนที่ยอมรับไม่ได้ และนำมาสู่การตัด

ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน เพื่อจะได ้ไม่เกิดความสับสน

ทั้งเราและเพื่อน

ถ้าคุยกันแล้วการณ์ กลับกลายเป็นว่า เราและเพื่อนตัดสิน

ใจ หันมาปรับปรุง ความสัมพันธ์ใหม่แทน ที่จะจบมันลงแบบ

ไม่ให้เหลือซาก ก็ควรทำข้อตกลง โดยการจำกัดขอบเขตไว้

ด้วย ตัวอย่างเช่น อย่าให้เพื่อนยืมเสื้อผ้าหรือเงิน ถ้ารู้ว่าเพื่อน

เป็นคนชอบชักดาบ หรือไม่เคยคืนของที่ยืม จากใคร หรืออย่า 

พาแฟน ไปเที่ยวกับเพื่อน ถ้ารู้ว่าทั้งสองฝ่ายเกลียดขี้หน้ากัน

อย่างกับอะไรดี

แต่ถ้าคุยกันแล้วต่าง ฝ่ายต่างมองไม่เห็นอนาคตว่าจะสามารถ

รักษาความเป็น เพื่อนต่อไปได้ เราควรปล่อยให้ตัวเองเศร้าโศก

เสียใจ กับการสูญเสีย ครั้งนี้ได้ อย่างเต็มที่ เหมือนกับเวลาเลิก

กับแฟน หรือบุคคลที่รักทั้งหลายต้องจากไป

ทันทีที่หายจากอาการ เศร้าโศกเพราะเราได้ปลดปล่อยไปหมด

แล้ว เมื่อนั้นเราจะ สามารถเดินหน้าสร้างมิตรภาพใหม่ๆได้ด้วย

ตัวเอง บนพื้นฐานของความไว้ วางใจและให้เกียรติซึ่งกันและกั


FW. Mails