Dec 4, 2008

คติสำหรับคนทำงาน




เคยดูรายการทีวี สัมภาษณ์บุคคลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตท่านหนึ่ง 
นานมาแล้ว นานจนจำไม่ได้ว่าบุคคลท่านนั้นชื่ออะไร รู้แต่ว่าเป็นผู้ผลิต
ดอกไม้ประดิษฐ์ส่งขายต่างประเทศ

ตามประวัติท่านเป็นลูกคนยากจน เป็นเด็กวัดมาก่อน ดิ้นรนทำมาหาเลี้ยงชีพ
ด้วยการประกอบอาชีพหลายอย่าง ล้มเหลวมาตลอด ท้ายสุดได้จับงานด้าน
การประดิษฐ์ดอกไม้จำหน่าย ก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเหมือนกัน อาศัยใจ
สู้ไม่ยอมเลิกรา ทนทำไปเรื่อยในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ สินค้าได้รับความ
นิยมแพร่หลายขึ้นตามลำดับ

ผู้สัมภาษณ์ถามว่า ยึดถือคติธรรม หรือปรัชญาข้อใดในการทำงานจนประสบ
ความสำเร็จ ท่านผู้นั้นบอกว่าไม่มีอะไรมาก ยึด"หนึ่งต้อง สองอย่า" (ถ้าจำ
ผิดก็ขออภัย เพราะมันนานแล้ว)

"หนึ่งต้องคือต้องทำงานที่ตนถนั หมายความว่า บรรดางานต่างๆ อาจมี
หลายชนิดที่ตนไม่ถนัด ก็ไม่ต้องไปริทำ ให้ค้นหาด้วยตัวเองว่างานชนิดไหน
ที่ตนถนัด หรือที่ตนพอจะทำได้ดี ให้เลือกงานชนิดนั้นแล้วทุ่มเทลงไปทั้งชีวิต

บางคนเสียงยังกับเป็ดร้องริอยากจะเป็นนักร้อง อยากออกเทปกะเขาบ้าง 
เพราะเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จมาก แต่ไม่ได้ดูตัวเองว่าเสียงเป็ดๆ อย่าง
นี้ มันพอจะเป็นนักร้องได้ไหม ในที่สุดก็ไปไม่รอด อย่างนี้เรียกว่าไม่ดูตัวเอง
ว่าถนัดในทางนี้หรือไม่

เดี๋ยวนี้เป็นแฟชั่นว่านักแสดง (หรือแม้กระทั่งนางงาม) ก็ต้องเป็นนักร้อง
ด้วย เอาความดังในด้านความเป็นดารามาขายเสียง ก็เป็นได้เพียงบาง
คนเท่านั้น มิใช่ว่าขึ้นชื่อว่าดาราแล้วจะต้องร้องเพลงได้ทุกคน

ตนถนัดทางไหนก็มุ่งไปทางนั้นเถิด สงสารหูคนฟังบ้าง

ท่านผู้นี้บอกว่า เมื่อท่านจับงานมาหลายอย่าง ในที่สุดก็รู้ว่างานด้านการ
ผลิตดอกไม้ประดิษฐ์นี้เป็นงานที่ตนทำได้ และจะทำได้ดีด้วย เมื่อมีความ
มั่นใจว่าถนัดทางนี้จึงทุ่มเทให้ทั้งกายและใจ แม้ว่าในระยะแรกๆ จะประสบ
ความล้มเหลว ก็ไม่เลิกรา คิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องไปถึง "ดวงดาว" แน่นอน 
เพราะท่านว่าท่านมีคติประจำใจอีกอย่างหนึ่งว่า "สองอย่า"

"อย่า" ที่หนึ่งคือ อย่าท้อถอย ทุกครั้งที่ล้มเหลวก็จะท่องมนต์บทว่า 
"อย่าท้อถอย" แล้วกำลังใจก็จะมา ท่านว่าอ่านประวัติบุคคลสำคัญในโลก 
ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้านต่างๆ แต่ละคนล้วนแต่มีความมานะบากบั่น 
ไม่ท้อถอยทั้งนั้น เราต้องไม่ท้อถอยเด็ดขาดว่าอย่างนั้น

"อย่า" ที่สอง อย่าเล็งผลเลิศ การตั้งเป้าหมายสูงเกินไปแล้วทำไม่ได้ 
หรือทำได้ไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็จะทำให้หมดกำลังใจ ท่านผู้นี้บอก
ว่าค่อยๆ ทำค่อยๆ ไป ตั้งเป้าหมายให้ใกล้ๆ สั้นๆ ไว้ แล้วทำให้สำเร็จแต่
ละขั้นๆ ไป ดุจขึ้นบันไดปราสาทที่มีหลายชั้

ไม่ใช่ว่าอยากจะไปถึงชั้นบนปราสาท แล้วก็กระโดดพรวดขึ้นไป ขืนทำ
อย่างนั้นก็มีหวังตกลงมาคอหักตาย จะต้องค่อยก้าวขึ้นทีละขั้นอย่างมั่นคง 
ถึงขั้นนี้แล้วก้าวต่อไปขั้นนั้น ถึงขั้นนั้นแล้วก้าวต่อไปขั้นโน้น ในที่สุดก็จะ
ไปยืนอยู่ที่ปราสาทชั้นบนสมความตั้งใจ

ท่านผู้อ่านลองนำเอาไปปฏิบัติดูสิครับ บางทีอาจประสบความสำเร็จ
อย่างท่านผู้นี้ก็ได้

Fw. Mails


No comments: