Oct 30, 2008

ข้อมูลชี้ ผู้หญิงอยากรู้เรื่องอย่างว่ามากกว่าผู้ชาย

ไม่ ว่าจะสงวนไว้ในพื้นที่ส่วนตัวอย่างไร เรื่อง
ใน "ร่มผ้า" ก็มีการนำเสนออย่างโจ๋งครึ่มใน
สื่อต่างๆ เหตุผลหนึ่ง อาจเป็นเพราะคนส่วน
ใหญ่ "ไม่มีความรู้ความเข้าใจ" ในเรื่องเพศ
อย่างถูกต้อง

เมื่อไม่รู้ก็ต้องถาม ถาม และถาม...

จากรายงานการวิจัยเรื่อง "คำถามยอดฮิต ใน
คอลัมน์ถามตอบเรื่องเพศ"
ศึกษาย้อนหลัง 5 ปี
ตั้งแต่ปี 2546-2550 ในสื่อ 3 ประเภท หนังสือ
พิมพ์ นิตยสาร และอินเตอร์เน็ต จำนวน 6 สื่อ
รวบรวมคำถามได้ทั้งหมด 4,409 ข้อ คำถามที่
พบมากที่สุดคือ เพศสัมพันธ์ ร้อยละ 25
อนามัยเจริญพันธุ์ ร้อยละ 18 อวัยวะเพศ
หญิง ร้อยละ 18
ความสวยความงาม ร้อยละ
16 และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 5

น.ส.ญาณาธร เจียรรัตนกุล ผู้วิจัย บอกว่า
หลักฐานการสอบถามปัญหาเพศผ่านสื่อเริ่ม
ในปี 2431 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งตลอด 120 ปีที่
ผ่านมา


แนว คำถามจะวนเวียนอยู่ในปัญหาเดิมๆ สะท้อน
ว่า ประชาชนไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศที่
ถูกต้อง และจากการวิจัยพบว่า ผู้หญิงเข้ามาสื่อ
สารในคอลัมน์ถามตอบเรื่องเพศ "มากกว่า"
ผู้ชายถึงร้อยละ 69 ในขณะที่ผู้ชายเข้ามาสื่อสาร
ร้อยละ 31

"ผู้หญิงยังมีความรู้น้อยมาก ยกตัวอย่างคำถาม
เรื่องคุมกำเนิด วัยรุ่นผู้หญิงคนหนึ่งเขียนจดหมาย
เข้ามาถามว่า หากมีเพศสัมพันธ์กับแฟน แล้วให้
แฟนกินยาคุม จะท้องไหม
เป็นคำถามที่บ่งบอกว่า
เธอไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้เลย"
ญาณาธรแจกแจง


เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ ผู้วิจัยบอกว่า มาจากระบบ
ความเชื่อผิดๆ ของสังคมไทย ที่ตั้งบรรทัดฐานไว้
ว่า ผู้หญิง ที่พูดเรื่องเพศได้ ต้องแต่งงานแล้ว
หรือเป็นผู้หญิงขายบริการเท่านั้น จึงยังเป็น
ปัญหาให้ผู้หญิงไม่กล้าสอบถามจากแพทย์
หรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
เพราะรู้สึกกระดากปาก
และอายที่จะแสดงตัวตน จึงต้องแอบซ่อนหาความ
รู้ผ่านสื่อต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และ
อินเตอร์เน็ต






มาดูกันดีกว่า "คนอยากรู้อะไรในเรื่องอย่าง
ว่า" บ้าง


เริ่มที่ "ผู้หญิง" เรื่องที่อยากรู้มากที่สุด "อวัยวะเพศ
หญิง"
มักถามข้อข้องใจเรื่อง ประจำเดือน (34%)
ตกขาว (20%) มะเร็ง-พังผืด-ซีสต์-เนื้องอก-ฮอร์โมน
(16%) รองลงมาคือ "อนามัยเจริญพันธุ์" ถามมาก
ที่สุด คือ วิธีการคุมกำเนิด (43%) การตั้งครรภ์-การ
คลอด (25%) และภาวะมีบุตรยาก (19%)

อีกหัวข้อคำถามที่ผู้หญิงสนใจ เป็นเรื่อง "สังคมและ
วัฒนธรรม"
จะถามเรื่อง ความเหมาะสม/ดอกฟ้ากับ
หมาวัด (24%) การมีคู่มากกว่า 1 คน (21%)
พรหมจรรย์ (15%) และเขารักเราไหม (15%) อีก
ประเด็นเป็นคำถาม "ความรุนแรง" มีทั้งข่มขืน
(62%) เพศพาณิชย์ (23%) และการใช้กำลังทำร้าย
ร่างกาย (15%) ปิดท้าย "ความสวยความงาม" คำ
ถามส่วนใหญ่มีทั้งเรื่องอ้วน/ผอม (50%) ไม่พอใจ
ในรูปร่าง (24%) และสิว/ฝ้า/หน้ามัน (11%)

สำหรับ "ผู้ชาย" คำถามยอดฮิตคือ "อวัยวะ
เพศชาย"


เรื่องที่พวกเขาอยากรู้ที่สุด คือ เรื่องของขนาด
ใหญ่หรือเล็ก
/ การฝังมุก (38%) การขริบ (33%)
และรูปร่าง (19%) นอกจากนี้ยังถามเรื่อง "การ
ช่วยตัวเอง" โดยส่วนใหญ่จะถามเรื่องผลกระทบ,
วิธีการ และปริมาณที่เหมาะสม

ส่วนข้อสงสัยที่ทั้ง "ผู้หญิง-ผู้ชาย" ข้องใจ
เหมือนกัน อันดับแรกคือ "เพศสัมพันธ์"
โดย
ผู้ชายจะให้ความสำคัญกับเรื่องสมรรถภาพเป็น
หลัก (43%) ในขณะที่ผู้หญิงเน้นเรื่องผลข้างเคียง
จากการมีเพศสัมพันธ์ (22%) อันดับต่อมาคือ
"โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์" มักอยากรู้ โรคติด
ต่อทางเพศสัมพันธ์ (52%) และโรคเอดส์ (48%)


ปิด ท้าย เป็นคำถามจากกลุ่มเพศที่ 3 ประเด็น
"อัตลักษณ์ทางเพศ" (ความหลากหลายทาง
เพศ) ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามเกี่ยวกับกลุ่ม
ชายรักชาย (52%) หญิงรักหญิง (32%)
และรักสองเพศ (13%)

ข้อสงสัย "เยอะ" ขนาดนี้ ยิ่งตอกย้ำว่า เรื่องเพศ
ไม่ใช่แค่เรื่องเพศสัมพันธ์อย่างเดียว

ญาณาธรบอกว่า สังคมไทยอาจคิดว่าสื่อไขปัญหา
เพศเป็นเรื่องไม่งาม แต่ถ้ามองในมุมกลับ ในสังคม
ที่ยังไม่เปิดกว้างเรื่องนี้ และไม่มีข้อมูลความรู้ให้
ประชาชนศึกษาอย่างเพียงพอ สื่อประเภทนี้มี
ประโยชน์
เพราะเป็นช่องทางระบายให้กับผู้ที่มี
ปัญหา และไม่สะดวกใจจะถามแพทย์หรือผู้เชี่ยว
ชาญโดยตรง

" อยากให้สังคมไทยเปลี่ยนทัศนคติเรื่องเพศใหม่
เปิดกว้างมากขึ้น ขีดเส้นแบ่งระหว่างลามกอนาจาร
กับสุขภาพ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เพศสัมพันธ์ แต่
เป็นเรื่องสุขภาพทั้งหมดของมนุษย์"
ญาณาธรย้ำ


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:
หนังสือพิมพ์มติชน

ปัดแก้ม แล้วดูเป็นปื้นแดงๆ



สาเหตุ :
คุณมือหนักไปหน่อย อีกทั้งใช้สีเข้มเกินไปและปัดผิ
บริเวณ หรือไม่ก็ใช้แปรงปัดแก้มเล็กเกินไป

วิธีแก้ :
วิธี ปัดแก้มให้สวยเด้งระเรื่อเป็นธรรมชาติ ข้อห้ามแรก
คือ อย่าใช้แปรงเล็กๆ ที่ติดมากับตลับบลัชออน ควรลง
ทุนซื้อแปรงขนนุ่มละเอียดใช้ปัดแก้มโดยเฉพาะ ก่อน
ปัดแก้มให้เคาะผงบลัชออนส่วนเกินออกเสียหน่อย
เวลาปัดให้ส่องกระจก อมยิ้ม แล้วปัดตรงบริเวณแก้ม
ที่ยกสูงขึ้นมา เกลี่ยให้กระจายกลืนหายออกไปด้านข้าง
ถึงใบหู


Fw. Mail

ปัดมาสคาร่า แล้วขนตาติดกันเป็นก้อนเป็นกระจุก



สาเหตุ :
คุณปัดมาสคาร่าเยอะเกินไป มาสคาร่าที่ใช้แห้งเร็วไป
หรือไม่ก็เนื้อมาสคาร่าแห้งจนควรทิ้งได้แล้ว

วิธีแก้ :
มาส คาร่าส่วนใหญ่มีอายุใช้งานประมาณสามเดือน ถ้า
นานกว่านี้เนื้อมาสคาร่าจะเริ่มแห้งกรัง ทำให้ปัดขนตา
จะจับกันเป็นก้อน วิธีปัดที่ถูกต้องก็คือ เมื่อดึงแปรงปัด
ออกจากแท่งแล้ว ให้ปาดแปรงที่ริมปากขวดเพื่อให้เนื้อ
มาสคาร่าส่วนเกินหลุดออกจากแปรงไปบ้าง ปัดขนตา
1-2 ครั้ง อย่ามากกว่านี้ รอให้แห้ง แล้วใช้หวีขนตาจัด
ระเบียบให้ขนตาเรียงเส้นสวย


Fw. Mail

สีผิวหน้าไม่เท่ากับผิวคอ



สาเหตุ :
คุณใช้รองพื้นเฉดสีไม่เข้ากับผิวหน้า

วิธีแก้ :
เวลา ไปซื้อรองพื้นที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอาง ควรเทสต์
สีและชนิดของรองพื้นอย่างละเอียด เฉดสีที่เหมาะกับผิว
ของคุณที่สุด คือ สีที่ทาแล้วกลมกลืนเนียนไปกับสีผิว
ทดสอบโดยแต้มและเกลี่ยรองพื้นบริเวณขากรรไกร และ
บริเวณที่เป็นแสงธรรมชาติหรือไฟสีขาว


Fw. Mail

ทาปาก แล้วเหมือนมีวงแหวนอยู่ปาก


สาเหตุ :
คุณใช้ลิปไลเนอร์สีเข้มเกินไป หรือลิปสติกที่ทาสีจาง
เร็วกว่าปกติ จนทำให้เห็นเส้นโครงรอบปากที่วาดไว้
เด่นชัด

วิธีแก้ :
ใช้ ลิปไลเนอร์แดสีใกล้เคียงกับสีผิวริมฝีปาก เวลาวาด
เริ่มจากมุมริมฝีปากบนลากมายังกึ่งกลาง ทำเหมือนกัน
สองข้างทั้งบนและล่าง จากนั้นใช้ลิปไลเนอร์สีเดิ
ระบายริมฝีปากด้านในทั้งหมด เพื่อเป็นรองพื้นให้
ลิปสติกที่จะทาทับติดทนนานและกลมกลืนกันยิ่งขึ้น



Fw. Mail

Oct 26, 2008

เวปบิต T2HBIT

หากใครสนใจสมัครเวปบิต เชิญด้านล่างจ๊ะ
มีทั้ง movie, e-book, picture ฯลฯ

http://www.t2hbit.com/signup.php?referrer=ChaNi

มีไว้แบ่งปันไม่อั้นนะจ๊ะ

Oct 24, 2008

ปวดท้องแบบไหนที่ไม่ธรรมดา


อาการปวดท้องที่ต้องพบแพทย์ทันที คือ ปวดท้องเฉียบพลัน
รุนแรง ความดันต่ำ เป็นลม ไข้ขึ้น มีเลือดออกร่วมด้วย

(
อาเจียน หรือถ่ายอุจจาระมีสีดำ) ซึม ไม่รู้สึกตัว และมีอาการ
เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน


สิ่งที่คุณต้องบอกแพทย์เมื่อปวดท้อง คือ

รูปแบบการปวด ประวัติการปวด ช่วงเวลาการปวด ระยะเวลาปวด
เช่นเดียวกับการเช็คอาการปวดหัว รวมทั้ง..

ตำแหน่งที่ปวด
-
ทั้งท้อง
-
ซ้ายบน
- ซ้ายล่าง
- ขวาบน
- ขวาล่าง
- ข้างซ้าย
- ข้างขวา
- อื่นๆ


อาการ
-
ปวดเกร็งๆ เป็นพักๆ
- ปวดแสบ
- ปวดมวน
- อยากถ่าย
- ปวดแบบลำไส้ถูกบิด
-
อื่นๆ

อาการร่วม
-
อึดอัด แน่นท้อง
- ท้องร่วง ท้องเสีย
- มีไข้
-
ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน
- รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ
- คลื่นไส้อาเจียน
-
แสบร้อนหน้าอก
- ตาเหลือง ตัวเหลือง


สิ่งกระตุ้นอาการปวด
-
ความหิว
-
แอลกอฮอล์
- ชา กาแฟ
- อาหารมันเลี่ยน
- อื่นๆ


สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น
-
การกินอาหาร
- นอนพัก
- นั่งงอตัว
- อื่นๆ เช่น ยาแก้ปวด ยาเคลือบกระเพาะ
ฯลฯ

อาการ :
ปวดหรือจุกเสียดช่องท้องส่วนบน อึดอัด แน่นท้อง

หรือท้องเฟ้อแม้กินอาหารเข้าไปเพียงเล็กน้อย


สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
การย่อยอาหารไม่ดี


อาการ :
ปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ อาเจียน
มีเลือดปนในอุจจาระ

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
อาหารเป็นพิษ


อาการ :
ปวดท้องแบบแสบ ปวดทั้งก่อนและหลังกินอาหาร เป็นๆ
หายๆ จุกเสียดแน่นท้อง และอาจมีคลื่นไส้อาเจียน


สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
กระเพาะอาหารเป็นแผล


อาการ :
คล้ายเป็นแผลในกระเพาะ
กลืนอาหารแล้วติดคอ จุก
ไอกลางดึกโดยเหมือนมีอะไรติดคอ แสบร้อนหน้าอก

ไอเรื้อรัง


สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
กรดไหลย้อน


อาการ :
ปวดท้องเฉียบพลัน ปวดท้องด้านล่างขวา จุกเสียดลิ้นปี่
คลื่นไส้อาเจียน
หากเป็นไส้ติ่งแตก อาจมีไข้ร่วมด้วย

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ไส้ติ่งอักเสบ

อาการ :
ปวดท้องรุนแรง ปวดเกร็งช่องท้องบนขวา
ปวดร้าวถึง
ด้านหลัง ท้องอืดหลังอาหารมื้อหนัก
1/2 - 1 ชั่วโมง
และมีอาการ
2-3 ชั่วโมง คลื่นไส้ อาเจียน

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
นิ่วในถุงน้ำดี


อาการ :
ปวดท้องแบบเป็นๆ หายๆ
เรื้อรัง

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง


อาการ :
ปวดท้องเฉียบพลันรุนแรงมาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้
อาเจียน ท้องร่วง
อาจถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน


อาการ :
ปวดท้องเฉียบพลันรุนแรง เบื่ออาหาร
คลื่นไส้ อ่อนเพลีย
และมีไข้


สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ฝี
หนองในตับ

อาการ :
ปวดท้อง แน่นท้อง เหมือนอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลด

กินอาหารไม่ได้ อาเจียน อาการแย่ลงเรื่อยๆ


สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
เนื้องอกในกระเพาะอาหาร


อาการ :
ปวดท้องแบบบีบๆ อยากถ่าย ปวดเป็นพักๆ
ท้องอืด
แน่นท้อง ท้องเสีย อาเจียน มีไข้ มีอาการไม่เกิน
7 วัน

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน


อาการ :
ปวดท้องเรื้อรังแบบเป็นๆ หายๆ ถ่ายเป็นมูกเลือด
ท้องเสีย ปวดท้องนานเกิน
3 สัปดาห์

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ลำไส้อักเสบเรื้อรัง

อาการ :
ปวดท้องแบบเฉียบพลัน ปวดท้องมาก คลื่นไส้อาเจียน
ปัสสาวะขัด ยาก และมีเลือดปน
ไข้ขึ้นสูง

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
นิ่วในไต


อาการ :
ปวดท้องเฉียบพลัน รุนแรง ปวดร้าวไปถึงด้านหลัง
ความ
ดันโลหิตเพิ่มขึ้นสูงและต่ำลงอย่างรวดเร็ว


สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ปวดท้องเฉียบพลันจากหลอดเลือดแดงใหญ่ปริหรือแตก


Fm. Mass Group




ปวดหัวแบบไหนที่ไม่ธรรมดา


อาการปวดหัวไม่ใช่การปวดที่สมองโดยตรง แต่อาจเกิดจาก
กล้ามเนื้อบริเวณศีรษะและคอหดตัว โดยทั่วไปเป็นแล้วหาย
เองได้
แต่ถ้าอาการปวดไม่ดีขึ้นและปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ควร
ไปพบแพทย์


สิ่งที่คุณควรบอกแพทย์เมื่อปวดหัว คือ

รูปแบบการปวด
-
ปวดทันทีแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
- ปวดเป็นๆหายๆ
-
ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ

ประวัติการปวด
-
ปวดเป็นครั้งแรก
-
เคยปวดแบบนี้มาก่อนแล้ว
- เป็นๆ หายๆ ตำแหน่งที่ปวด
- ขมับ
- กลางหัว
- ทั้งหัว
-
ท้ายทอย
- ด้านซ้าย
- ด้านขวา
- ปวดต่อเนื่องไปที่คอ สะบัก แขน ไหล่ หรือหลัง
-
อื่นๆ

ช่วงเวลาการปวด
-
เช้า
- กลางวัน
- เย็น
- กลางคืน
- ไม่เป็นเวลา


ระยะเวลาปวด
- 30
นาที
-
1-2 ชั่วโมง
- ทั้งวัน
- ไม่แน่นอน
-
อื่นๆ

อาการปวด
-
ปวดแบบหนักหัว เหมือนถูกบีบรัดหัว
- ปวดแบบมึน
-
ปวดและเจ็บตามหนังศีรษะ เส้นผม
- ปวดเมื่อต้องใช้สายตาเพ่งมอง -
อื่นๆ

อาการร่วม
-
มีไข้
- คอแข็ง
- คลื่นไส้ อาเจียน
-
เห็นแสงระยิบระยับในตา
- มีน้ำมูก ปวดโพรงไซนัส


อาการ :
ปวดหัวรุนแรง
ไม่มีไข้ หรือปวดหัวรุนแรงหลังเกิดอุบัติเหตุ

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
อุบัติเหตุที่ศีรษะ เลือดออกในศีรษะ ความดันสูง เส้นเลือด
โป่งพอง


อาการ :
ปวดหัวเฉียบพลันรุนแรงมากจนทนไม่ได้ มีอาการทาง
ระบบประสาท
เช่น มือสั่น สูญเสียความจำ เคลื่อนไหวลำบาก

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
โพรงในสมองโต (มีน้ำในสมอง) เนื้องอก และเลือดออก
ในสมอง


อาการ :
ปวดหัวรุนแรง มีไข้สูง คอแข็ง คลื่นไส้ อาเจียน


สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

อาการ :
ปวดหัวเป็นประจำ ไม่โปร่งหัว ตึงหัว
หนักหัว ปวดท้ายทอย
บางครั้งปวดหัวตุ๊บๆ

ปวดหัวจากความเครียด (Tension headache)

อาการ :
ปวดหัวแบบเป็นๆ หายๆ เวลาปวดปวดมาก แต่เวลาหาย
ก็หายสนิท
มีรูปแบบการปวดแน่นอน คือค่อยๆ ปวดจนพีค
แล้วปวดหัวตุ๊บๆ
จากนั้นจึงอาเจียน ก่อนปวดหัว อาจเห็น
แสงระยิบระยับ ในตา
มองเห็นตัวหนังสือยึกยักร่วมด้วย

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ไมแกรน


อาการ :
ปวดคล้ายปวดหัวจากความเครียด หรือไมแกรน
ที่สำคัญ
มักมีอาการเจ็บและปวด เวียนหัว ตามัว เจ็บหนังศีรษะ
แตะผมแล้วเจ็บ
เจ็บเวลากลอกตา บางครั้งแขนขาอ่อนแรง
หรืออาจปวดลามไปที่คอ สะบัก แขน ไหล่
หรือหลังด้วย

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ปวดหัวจากเส้นประสาทอักเสบ


อาการ :
ปวดหัว ร่วมกับมีน้ำมูกไหล
มีกลิ่นปาก ปวดโพรงไซนัส

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ปวดหัวจากไซนัส


อาการ :
ปวดหัวเมื่อใช้สายตานานๆ
ปวดหัวรุนแรงโดยไม่ทราบ
สาเหตุ


สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ :
ปวดหัวจากตา
ได้แก่ ต้อหิน สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง

Fm.Mass Groups


PAIN CHECKLIST อาการปวดบอกโรคได้

อาการปวดเกิดจากประสาทสัมผัสรับความรู้สึก (sensory
modality)
ที่ร่างกายมีอยู่ตามปกติ เป็นสัญญาณบอก
อันตรายที่เกิดขึ้นภายในและภายนอกร่างกาย
หรือกำลัง
ประท้วงว่าคุณใช้งานร่างกายหนักเกินไป


คนที่เกิดมาแล้วไม่มีความรู้สึกปวดเลย เช่น ภาวะ
hereditary sensory autonomic neuropathy

จะอายุไม่ยืนเพราะไม่มีกลไกสำคัญในการป้องกันตัว
เองจากโรคติดเชื้อ บาดแผล
หรือแม้กระทั่งความผิด
ปกติของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้



Fm. Mass Groups

เรือใบ



























FW. Mail

เจ้าหญิงสมัยใหม่...ไม่แอ๊บแบ๊ว


เจ้าหญิงบนหอคอย (RAPUNZEL)

เจ้าหญิงบนหอคอย (RAPUNZEL)

หนูน้อยหมวกแดง

หนูน้อยหมวกแดง

สโนว์ไวท์ กับคนแคระทั้ง 7

สโนว์ไวท์ กับคนแคระทั้ง 7

ซินเดอเรลล่า

ซินเดอเรลล่า

FW. Mail

ใต้...บาดาล (Under Water World)



















FW. Mail

ห้ามคนท้องนั่งทับธรณีประตู




บ้านในสมัยโบราณจะมีธรณีประตูอยู่ทุกบานประตู เชื่อกันว่าเป็น
สิ่งที่ไม่ควรเหยียบ คือเมื่อเดินผ่านก็ให้ข้ามเสีย หรือห้ามนั่งทับอย่าง
เด็ดขาด

และยิ่งกับหญิงมีครรภ์ด้วยแล้ว คนโบราณถือกันมาก ห้ามนั่งทับ
ธรณีประตู เพราะเชื่อกันว่า จะทำให้หญิงนั้นคลอดลูกยาก หรือคลอด
แล้วอาจทำให้ไม่แม่ก็ลูกต้องเสียชีวิต เพราะผีบ้านผีเรือนโกรธมาเอา
ตัวไป

แต่เมื่อใดที่เผลอไปนั่งทับธรณีประตูแล้ว ก็ให้จุดธูปเทียนบอกเล่า
ขอขมาแต่ผีบ้านผีเรือนเสีย

เรื่องความเชื่อถือเช่นนี้ก็อยู่ที่ว่า แต่ละบุคคลจะให้ความเชื่อถือแต่
ไหน หรือจะคิดว่า เชื่อไว้ไม่เสียหาย ก็ดูจะไม่ผิดแต่อย่างใด


ที่มา http://www.sf.ac.th/

Oct 5, 2008

เทคนิคการทำแกงส้มให้อร่อย



เริ่ม จากการต้มน้ำซุป แล้วใส่ผักที่ต้องการ
ให้เปื่อย เช่น มะละกอ ลงไปในน้ำแกง และ
เคี่ยวจนเปื่อยได้ที่ พร้อมปรุงรสให้ได้รสชาติ
ตามต้องการ โดยอาจจะเผื่อให้รสชาติเข้ม
กว่าที่ชอบเล็กน้อย เพราะเวลาใส่ผักแล้ว
น้ำผักจะออกมาอีกนิดหน่อย ทำให้ได้รสชาติ
กำลังดี

จากนั้น ต้มน้ำแกงส้มให้เดือดจัด พร้อมจัดผัก
ที่ต้องการความกรอบ เช่น ผักกะเฉด ผักกาด
ขาว ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ใส่ถ้วย แล้วตักน้ำแกง
ส้มราด 2-3 ครั้ง จนผักสุกพอดี ก็จะได้แกงส้ม
ที่ผักกรอบอร่อย


ถ้าอยากทานแกงส้มที่ผักกรอบอร่อย ก็ลองนำ
วิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.