May 19, 2011

10 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก(ใหม่)

หลายคนคงเบื่อพีระมิด หรือกำแพงเมืองจีนที่ไม่รู้มันจะออกสารคดีบ่อยๆ อะไรนักอะไรหนา เอาเป็นว่าวันนี้เราจะพาไปดูสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่คนรู้จักกันด้วยและมีไม่กี่คนที่ได้เห็น มันอาจไม่มีชื่อเสียงเท่า 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่มันก็ช่างเหลือเชื่อ และสวยงาม จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ เรียงจาก 10-1

10. Banaue Rice Terraces
http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/07/20/83712-attachment.jpg
บันไดข้าวที่บานาเวนั้นเป็นการเกาะสลักภูเขาทั้งลูกในการอยู่ในจังหวัดอีฟูเกา ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อใช้ในการปลูกข้าว จากประวัตินั้นมันมีอายุกว่าพันปี สมัยก่อนนั้นการทำนาจะต้องใช้พื้นที่ราบ หากแต่พื้นที่ภูมิประเทศนี้เต็มไปด้วยเขาสูงมีที่ราบน้อย น้ำและเนื้อที่ในการทำการเกษตรจึงเป็นปัญหา ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน จึงได้คิดวิธีทำนาแบบขั้นบันไดขึ้นตามไหล่เขา โดยสกัดไหล่เขาให้เป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงมาเป็นขั้นบันได เพื่อช่วยเพิ่มเนื้อที่ในการเพาะปลูก เป็นการรักษาหน้าดินไม่ให้ถูกชะล้างไป อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำทั้งในแง่การชลประทานโดยการเก็บกักน้ำฝน และยังช่วยป้องกันน้ำท่วมอีกด้วย โดยนาข้าวที่บานาเวนั้นเป็นภูเขาสูงอยู่เหนือน้ำทะเล 5,000 ฟุต นาข้าวแต่ละแห่งมีเนื้อที่ 10,360 ตารางกิโลเมตร และในปี ค.ศ. 1985 องค์การยูเนสโกได้จัดสถานที่นี้เป็นมรดกของโลก


 

9. Sigiriya

http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/07/20/83713-attachment.jpg
คีริยา เป็นเมืองใหญ่โบราณมหึมาของศรีลังกา สร้างขึ้นโดยพระเจ้ากัสสัปปะ ประมาณ ค.ศ. 470 โดยพระองค์ได้สร้างเมืองนี้ขึ้นอยากให้มันเป็นโลกศักดิ์สิทธ์ของพระองค์ เป็นสวรรค์ตนเองอยู่บนตำแหน่งสูงสุด และมันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะมันที่ใหญ่อลังการมาก ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,300,000 ตารางเมตร มีถนน มีระบบชลประทาน และสถานที่เกี่ยวกับศาสนามากมาก หนึ่งในนั้นนั่นก็คือถ้ำที่พระองค์ทรงสร้างเพื่อมอบแก่พุทธสาวกได้ปฏิบัติธรรม 0 แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดก็คือที่ใจกลางเมือง มีภูผาหินขนาดยักษ์ ที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังกับป้อมปราการอันน่าเกรงขามและทิวทัศน์ตระการตาสวยงาม ฐานของป้อมที่ก่อด้วยอิฐ มีอายุมากกว่า 1,500 ปี ฮินดู และเป็นหนึ่งในมรดกโลกของศรีลังกา

8. Torun

http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/07/20/83714-attachment.jpg
เมืองทอรูน เป็นเมืองทางเหนือในประเทศโปแลนด์ ที่ยังคงสภาพเป็นเมืองเก่าสมันกลางไว้ได้ ที่นี้เป็นบ้านเกิดของนิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส( Nicolaus Copernicus) นักดาราศาสตร์ที่เสนอทฤษฏีว่าโลกเป็นจุดศูนย์กลาง โดยอายุของเมืองนี้มีมาอย่างยาวนานถึง 1,100 ปี ซึ่งเป็นที่ตั้งถิ่นฐานเก่าของโปแลนด์ โดดเด่นคือเป็นเมืองศูนย์กลางค้าและสถานที่เก่าแก่มากมาย และไม่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยแต่อย่างใด


7. Tower of Hercules

10 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ประภาคารเฮอร์คิวลิส เป็นประภาคารและสถานที่ทางเข้าของ ' ลา คอรุญญา ' ท่าเรือสำคัญ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน เมืองแห่งนี้สร้างขึ้นโดยชาวโรมันมาถึงบริเวณเมืองนี้ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ผู้อาศัยในนิคมนี้ได้สร้างตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ไว้ และในไม่ช้าเมืองนี้ก็มีความสำคัญขึ้นในการค้าทะเล และหอหอเฮอร์คิวลิส เป็นประภาคารที่เปิดทำการต่อเนื่องมาเป็นเวลาเกือบ 1,900 ปี ซึ่งในบริเวณเดียวกันมีสวนประติมากรรม หินแกะสลักจากเหล็กและสุสานมุสลิม ในยุคที่อาณาจักรโรมันยังเรืองอำนาจ ถือเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงประภาคารโบราณสมัยกรีก-โรมัน ซึ่งยังคงให้เห็นความสมบูรณ์แบบของรังวัดในโครงสร้างและการทำหน้าที่แต่ละ ส่วนสอดคล้องต่อเนื่อง
6. Ajanta Caves 10 สิ่งมหัศจรรย์องโลก
ถ้ำอชันตา ได้ชื่อว่าเป็นวัดถ้ำในพุทธศาสนาที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อน ในบริเวณฝั่งตะวันตกของที่ราบสูงเดกกัน โดยวิธีการสร้างนั้นเป็นขุดเจาะเข้าไปในหินบาซอลต์ (แกรนิตแข็ง) โดยขุดจากหินก้อนเดียวจนเป็นวิหารขนาดใหญ่โดยใช้สิวและค้อนเท่านั้น ระยะเวลาการเจาะทั้งหมด 800 ปี เริ่มเจาะตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 3 จนกลายเป็นถ้ำมากกว่า 30 ถ้ำ เรียงตัวต่อเนื่องกันยาวหลายร้อยเมตรบนเชิงเขาสูงวงโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว ภายในมีวิหารขนาดใหญ่ภายในเต็มไปด้วยงานแกะสลักหิน เป็นเจดีย์ เป็นพระพุทธรูป เป็นเรื่องราวต่างๆ ในพุทธประวัติและชาดกเต็มไปหมด โดยไม่ผุพังตามกาลเวลาแม้แต่น้อย โดยสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของสงฆ์เพื่ออยู่อย่างสันโดษ แต่แล้วสถานที่แห่งหนึ่งก็เริ่มหมดความสำคัญลง เมื่อพระพุทธศาสนาเสื่อม ขาดการดูแล และถูกทิ้งร้างไปในที่สุด และได้เลือนหายไปจากความทรงจำของชาวอินเดีย จนมาถูกค้นพบโดยกองทหารอังกฤษ นำโดยร้อยเอกจอห์น สมิธ เมื่อ 1819


5. Valley of Flowers http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/07/20/83717-attachment.jpg
เป็นสถานที่มาท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อยู่ในเทือกเขาหิมาลัย ในรัฐ Uttaranchal ซึ่งอยู่ทางเหนือของอินเดีย ประเทศอินเดีย ที่ถูกยอมรับว่าเป็นสถานที่มีชื่อเสียง สวยงามอย่างกับสวรรค์บนดินจนถูกนำมาบรรยายในวรรณคดีมาหลายศตวรรษและปรากฏในศาสนาฮินดูมาช้านานเพราะที่นั้นมีทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์เฮ็มกุน ( Hemkund Sahib) ที่พวกพราหมณ์ชอบนำน้ำในแม่น้ำนี้มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาประจำ(ใครเคยดูสารคดีตามรอยพระพุทธเจ้าอาจคุ้นๆ) อีกทั้งนักพฤษศาสตร์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะที่นั้นเต็มไปด้วยพรรณไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ และสถานที่แห่งนี้ได้ถูกประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติในปี 1982 และเป็นมรดกโลก



4. Metéora 10 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เมทิโอร่า ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศกรีซ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมา ด้วยความเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างอยู่บนก้อนหินใหญ่สูงสง่า โดยอดีตสถานที่แห่งนึ้ถูกใช้เป็นที่พํานักของนักบวชคริสต นิกายออร์โธด็อกซ  ซึ่งได  สร้างอารามไว้บนยอดเขาด้วยมีความเชื่อที่ว่า จะได้ใกล้ชิดกับสวรรค  และเป็นการง่ายต่อการป้องกันศาสนาอื่นมารุกรานอีกด้วย ด้วยความโดดเด่นของการสร้างสรรค์ของศิลปะแบบไบแซนไทน์ เมทิโอร่า จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ใน ปี 1988

3.Bagan

10 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
พุกาม เป็นเมืองในประเทศพม่า เคยเป็นที่ตั้งอาณาจักรโบราณพุกาม ( 1044 - 1287) เป็นอาณาจักรแห่งแรกในประวัติศาสตร์พม่า ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ( Mandalay Division) อยู่ห่างประมาณ 90 ไมล์ หรือ 145 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมัณฑะเลย์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เขตเมืองเก่า (เขตที่ตั้งอาณาจักรพุกาม) เขตเมืองใหม่ (เขตที่อยู่อาศัยปัจจุบัน) และยองอู (เขตพาณิชยกรรมและเศรษฐกิจ) มีสนามบินชื่อ สนามบินยองอู เป็นสนามบินประจำเมือง รายได้หลักของเมืองคือ การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนที่นี่เสมอทุกช่วงปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากแถบเอเชียด้วยกัน เนื่องจากพุกามได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์ที่สวยงามและมีคุณค่า หรือ ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์ เพราะในสมัยรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมายถึง 4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์ น่าเสียดายตอนนี้พุกามเป็นเมืองที่ยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ทั้ง ๆ ที่มีคุณสมบัติเต็มพร้อม ปัจจุบันรัฐบาลทหารพม่ากำลังพยายามเร่งเสนอชื่อและเตรียมความพร้อมให้เป็นมรดกโลกทางศิลปวัฒนธรรมแห่งต่อไป



2. Leptis Magna
10 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เมืองเลปติส เมกนา ตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงทริโปลีในประเทศลิเบียถูกขนาม นามว่าเป็น อาณาจักรโรมันที่มีชื่อเสียงและงดงามมากที่สุดในแอฟริกา ซึ่งปัจจุบันยังคงสภาพ ความรุ่งโรจน์ ด้วยเพราะอาณาจักรถูกสร้างโดยหินปูน จึงทำให้ทนต่อการเกิดแผ่นดินไหวนับครั้ง ไม่ถ้วน จุดเด่นของเมืองมิใช่เพียงแค่ความงาม เท่านั้น แต่ผังเมืองที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ไม่ว่า จะเป็นถนน , อาคารซึ่งถูกประดับตกแต่งอย่างงดงาม , รงอาบน้ำโรมัน ซึ่งถูกวางผังไว้ในตำแหน่ง เหมาะสม , สภาประชุม , หอประชุมสำหรับขุนนาง หรือไม่ว่าจะเป็น โรงละคร หรือคอมเพล็กซ์
สำหรับการพักผ่อนเพลิดเพลินของประชาชน แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองที่สุดของอาณาจักร เล ปติส เมกนา ในช่วงเวลา ปี 111 ก่อนคริสต์กาล จนถึงช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด ปี ค.ศ. 211 โดยกษัตริย์ Septimus Severus อาณาจักรเริ่มเสื่อมสลายในช่วงศตวรรษที่ 4 และท้ายที่สุดโดนทรายแห่ง อาหรับลบเลือนไปจากโลกภายนอกปัจจุบัน อาณาจักรเลปติส เมกนา ถูกค้นพบอีกครั้งโดยนัก โบราณคดีชาวยุโรป และยังคงสภาพสมบูรณ์ไว้อย่างชัดเจน จน องค์การยูเนสโก้ประกาศเป็น มรดกโลกในปี ค.ศ. 1982


1.The Library of Celsus 10

 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ห้องสมุดเซลซุสตั้ง เมืองเอเฟซุส ประเทศตุรกี ซึ่งเมืองเอเฟซุสเป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยปลายยุคโลหะ ในราวศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล ภายใต้การปกครองของอาณาจักรลิเดีย เอเฟซุสเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และรุ่งเรืองถึงขีดสุดอีกครั้งภายใต้การปกครองของโรมัน เป็นเมืองใหญ่ที่สุด 1 ใน 5 ของจักรวรรดิโรมัน และใหญ่ที่สุดในเขตเอเชีย... และห้องสมุดเซสซุสก็เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่หลงเหลืออยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ ปัจจุบันเหลือเฉพาะด้านหน้าของอาคารเท่านั้น ห้องสมุดเซลซุส เป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างในปี ค.ศ. 114-117 โดย ดิเบริอุส จูลิอุส อาควิลา เพื่ออุทิศให้กับ ' ดิเบริอุส จูลิอุส เซลซุส ' ผู้เป็นบิดา โดยฝังโลงศพหินเอาไว้ที่ใต้หอสมุดและใช้เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ แสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ในอดีต ห้องสมุดแห่งนี้มีทางเข้า 3 ทาง โดยบริเวณประตูทางเข้ามีรูปแกะสลักเทพี 4 องค์ประดับอยู่ ได้แก่ เทพีแห่งปัญญา เทพีแห่งคุณธรรม เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด และเทพีแห่งความรู้ รูปแกะสลักเทพีทั้ง 4 องค์นี้เป็นของจำลอง ส่วนของจริงนักโบราณคดีชาวออสเตรียได้นำกลับไปออสเตรีย และตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงเวียนนา

Fm.Jerry Maguire

No comments: