ลักษณะทั่วไป
ไฟฟ้าช็อต เป็นอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยทั้งในบ้าน โรงเรียน โรงงาน
และสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการใช้ไฟฟ้าอาจเกิดจากความประมาทเลินเล่อ
การใช้เครื่องไฟฟ้าผิดวิธี หรือจากการรู้เท่าไม่ถึงารณ์ เป็นต้น คนที่ถูก
ไฟฟ้าช็อตอาจมีอาการรุนแรงแตกต่างกันไป (ตั้งแต่บาดแผลไหม้เพียง
เล็กน้อยจนกระทั่งตาย) ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
1). ลักษณะของผิวหนังส่วนที่สัมผัสถูกไฟฟ้า ถ้าผิวหนังแห้งจะมีความ
ต้านทานสูง เกิดอันตรายน้อยแต่ถ้าผิวหนังเปียกชื้น (เช่น มีเหงื่อ หรือเปียก
น้ำ) หรือมีบาดแผลสด (เช่น ถูกมีดบาด เข็มแทง หรือแผลถลอก) จะมี
ความต้านทานต่ำ เกิดอันตรายได้สูง
2). ชนิดของกระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสตรง (direct current) เช่น
ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ หรือ ถ่านไฟจะทำอันตรายได้น้อย ส่วนไฟฟ้า
กระแสสลับ (alternating current) จะทำอันตรายได้มาก กระแส
ไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำ (เช่น ขนาด 50-60 รอบต่อวินาที) จะมีอันตราย
ร้ายแรงกว่า ความถี่สูง กระแสไฟฟ้าที่ใช้ตามบ้านถือว่าเป็นชนิดที่
มีอันตรายสูง
3. ตำแหน่งและทางเดินของกระแสไฟฟ้าในร่างกาย ถ้าไฟฟ้าวิ่งจาก
แขนไปแขน หรือแขนไปเท้า จะมีอันตรายกว่าจากเท้าลงดิน เพราะ
สามารถวิ่งผ่าน และทำอันตรายต่อหัวใจ (ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ)
หรือถ้ากระแสไฟฟ้าสามารถวิ่งผ่านสมอง (ทำให้หยุดหายใจ), วิ่งผ่าน
กล้ามเนื้อ (ทำให้ชักกระดูกหักหรือ กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต)
4. ระยะเวลาสัมผัส ถ้ายิ่งนานก็ยิ่งมีอันตราย ผิวหนังที่สัมผัสไฟฟ้านาน ๆ
จะทำให้มีเหงื่อออก ซึ่งจะลดความต้านทานลง กระแสไฟฟ้าจะเข้าร่างกาย
ได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดความร้อนในร่างกายเป็นเหตุให้เกิดบาด
แผลไหม้รุนแรงได้
อาการ
อาการขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวบางคนเมื่อถูกไฟฟ้าช็อต อาจเพียงแต่
ทำให้ล้มลงกับพื้น (ถ้าตกจากที่สูงก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้)
หรือ ของหล่นจากมือถ้าเป็นรุนแรงอาจมีอาการชักเกร็งของกล้ามเนื้อทั่ว
ร่างกาย แล้วตามด้วยอาการตื่นเต้น หายใจเร็ว และหมดสติ อาจหยุด
หายใจหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นอันตรายถึงตายได้ทันทีบางคนอาจ
หมดสติชั่วครู่ เมื่อฟื้นขึ้นมาอาจรู้สึกปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตาม
กล้ามเนื้อ และ มีความรู้สึกหวาดผวาได้นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดบาดแผล
ไหม้ตรงผิวหนังและกินลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ทำให้เป็นแผล
ไหม้สีเทา และไม่รู้สึกเจ็บ ถ้าบาดแผลมีขนาดใหญ่ อาจทำให้เกิดภาวะขาด
น้ำ เช่นเดียวกับ บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกและอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อน
ได้บางคนอาจมีกระดูกสันหลัง และกระดูกส่วนอื่นๆ หัก เนื่องจากการชัก
กระตุก หรือตกจากที่สูง บางคนอาจมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก มีอาการซีด
เหลือง
การรักษา
การปฐมพยาบาล
เมื่อพบคนที่ถูกไฟฟ้าช็อต ควรรีบให้ความช่วยเหลือดังนี้
1. รีบปิดสวิตช์ไฟ หรือถอดปลั๊กไฟทันที
2. ถ้าทำไม่ได้ จำเป็นต้องช่วยให้คนที่ถูกไฟฟ้าช็อตหลุดออกจากสายไฟ
ที่มีกระแสไฟวิ่งอยู่ โดยผู้ที่ทำการช่วยเหลือจะต้องกระทำด้วยความระมัด
ระวังอย่างสูง ต้องยืนอยู่บนฉนวนแห้ง ๆ เช่น ไม้กระดาน กระดาษหนัง
สือพิมพ์ ผ้าห่ม เสื่อ ผ้ายาง หรือผ้า แล้วใช้ด้ามไม้กวาด ไม้กระดาน ขา
เก้าอี้ไม้ หรือ ไม้เท้าไม้ที่แห้ง เขี่ยสายไฟให้พ้นจากผู้ป่วยหรือดันร่างกาย
ส่วนที่สัมผัสไฟให้หลุดออกจากสายไฟ ห้ามใช้โลหะหรือวัตถุที่เปียกน้ำ
เป็นอันขาด ค วรใช้ไม้หรือฉนวนไฟฟ้าที่แห้ง และห้ามมิให้แตะต้องถูกตัว
ผู้ป่วยโดยตรง จนกว่าจะหลุดพ้นออกจากสายไฟเสียก่อน
3. ตรวจดูการหายใจ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปากช่วยหายใจทันที
ถ้าหัวใจหยุดเต้น(คลำชีพจรไม่ได้) ให้ทำการนวดหัวใจพร้อมกันไป จนกว่า
จะหายใจได้เอง ถ้าผู้ป่วยหายใจได้เอง แต่ยังหมดสติควรจัดผู้ป่วยให้อยู่ใน
ท่าพักฟื้น และให้ทำการปฐมพยาบาล เช่นเดียวกับผู้ป่วยหมดสติจาก
สาเหตุอื่น ๆ
4. รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลด่วน และควรตรวจดูการหายใจอย่างใกล้ชิด
ถ้าหยุดหายใจ ควร เป่าปากช่วยมาตลอดทาง จนกว่าจะถึงโรงพยาบาลที่อยู่
ใกล้ที่สุด
การรักษา
ถ้าผู้ป่วยมีชีวิตรอดจนถึงโรงพยาบาล ควรตรวจดูอาการต่าง ๆ เช่น หัวใจเต้น
ผิดจังหวะ ภาวะช็อกภาวะขาดน้ำ บาดแผลไหม้ กระดูกหัก เป็นต้น และให้การ
รักษาตามอาการที่พบสำหรับบาดแผลไหม้ (ถ้ามี) ควรให้การดูแลรักษาแบบ
บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แต่ควรระวังบาดแผลที่เห็นจากภายนอก แม้จะ
ดูเล็กน้อย แต่เนื้อเยื่อส่วนลึกอาจถูกทำลายรุนแรง ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ หรือ
มีเลือดออก หรือมีการติดเชื้อในเวลาต่อมาได้
การป้องกัน
ควรหาทางป้องกัน ด้วยการติดตั้งและซ่อมแซมสายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าให้
มีความปลอดภัยสูง (เช่น ปลั๊กไฟ ควรติดตั้งให้พ้นมือเด็กเล็ก อย่าให้เอาอะไร
ไปแหย่เล่นได้) และรู้จักใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยความระมัดระวัง
รายละเอียด
ห้ามแตะต้องคนที่ถูกไฟฟ้าช็อตโดยตรง จนกว่าจะช่วยเหลือให้เขาหลุดพ้นออก
จากสายไฟเสียก่อน
ที่มา : www.thailabonline.com
No comments:
Post a Comment