ภายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว มีศูนย์กลางบริเวณชายแดนพม่าและลาว
วัดขนาดได้ 6.3 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐทุกภาคส่วน ได้เตรียมรับมือผลกระทบที่จะตามมาอย่างต่อเนื่อง
ที่กรมทรัพยากรธรณี นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
กล่าวว่ากรมทรัพยากรธรณีของสหรัฐวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวศูนย์
กลางในประเทศลาวที่เกิดได้ 6.3 ริกเตอร์ ซึ่งถือว่ามีขนาดปานกลางถึง
ค่อนข้างใหญ่ และมีอาฟเตอร์ช็อกถึง 29 ครั้ง
"ฝากเตือนไปยังประชาชนที่อาศัยในที่ลาดเชิงเขา หากพบสิ่งผิดปกติ หรือรอยแยกของแผ่นดินให้แจ้งกรมทรัพยากรฯทันทีเพราะการสั่นสะเทือน
ของแผ่นดินไหวเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้เกิดดินถล่มได้ นอกจากนี้กำลังติดตาม
รอยเลื่อน 13 รอยในประเทศไทยที่มีพลังเพื่อจัดลำดับความเสี่ยงของ
กลุ่มรอยเลื่อนเหล่านี้ โดยเฉพาะรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และเจดีย์สามองค์
จ.กาญจนบุรี เพื่อวางแผนเตรียมความพร้อมถึงโอกาสการเกิด
แต่คงพยากรณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไร" นายอภิชัย กล่าว
ด้านนายวรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า
รอยเลื่อนที่น่าจับมอง คือรอยเลื่อนสะแกง หรือสะเกียงในประเทศพม่า
เพราะรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์เป็นรอยเลื่อนแขนง
ของลอยเลื่อนสะแกง และมีเขื่อนศรีนครินทร์ตั้งอยู่ ดังนั้นควรต้องมีแผน
ป้องกันภัย แผนเตือนภัย แผนอพยพ และแผนจัดการ เมื่อเกิดภัยพิบัติ
นอกจากนี้ ยังรวมถึงรอยเลื่อนในภาคเหนือของไทยด้วยส่วนรอยเลื่อน
ขนาดใหญ่นอกประเทศนอกจากรอยเลื่อนสะแกงแล้วยังมีรอยเลื่อนแม่น้ำ
แดงในประเทศเวียดนาม
สำหรับรอยเลื่อนในประเทศไทยที่มีพลังอยู่มี 13 กลุ่ม ประกอบด้วย
รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง ครอบคลุมจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่
รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน ครอบคลุมแม่ฮ่องสอน และตาก รอยเลื่อนเมย
ครอบคลุมตากและกำแพงเพชร รอยเลื่อนแม่ทา ครอบคลุม เชียงใหม่,
ลำพูน และเชียงราย รอยเลื่อนเถิน ครอบคลุมลำปาง และแพร่
รอยเลื่อนพะเยา ครอบคลุมลำปาง,เชียงรายและพะเยา รอยเลื่อนปัว
ครอบคลุมน่าน รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ครอบคลุมอุตรดิตถ์ รอยเลื่อนเจดีย์
สามองค์ ครอบคลุมกาญจนบุรีและราชบุรีรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ครอบคลุม
กาญจนบุรีและอุทัยธานี รอยเลื่อนท่าแขก ครอบคลุมหนองคายและ
นครพนม รอยเลื่อนระนอง ครอบคลุมประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร,ระนอง,
และพังงา รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ครอบคลุมสุราษฎร์ธานี, กระบี่ และพังงา
ด้านนายสมิทธ ธรรมสโรช ที่ปรึกษา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร(ไอทีซี) กล่าวว่า สาเหตุที่ประชาชนใน กทม. รู้สึกถึง
ความสั่นสะเทือนมากเนื่องจากตั้งอยู่บนพื้นดินอ่อน ทำให้ขยายความสั่น
สะเทือนได้มากถึง 2-3 เท่า โดยความรุนแรงอยู่ที่ 2-3 ริกเตอร์
นายสมิทธ ยังกล่าวถึงสาเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้ว่าเป็นแผ่นดินไหว
ที่เกิดขึ้นบนรอยเลื่อนแม่จันซึ่งเป็นหนึ่งในหลายรอยเลื่อนในประเทศไทย
ที่เริ่มมีปฏิกิริยาการเคลื่อนตัวถี่ขึ้นและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญ
หลายประเทศให้ข้อมูลว่าเป็นผลต่อเนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ทำให้
เกิดสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ที่เกาะสุมาตรา ทำให้รอยเลื่อน
เล็ก ๆ หลายจุดในเอเชียเกิดการเคลื่อนตัวถี่ขึ้น โดยเฉพาะแถบมหาสมุทร
อินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก
"หลังจากนี้ประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้รอยเลื่อนควรมีการ
เตรียมความพร้อมทั้งเรื่องการอพยพหนีภัย และการเตรียมอาคารบ้านเรือน
ที่อยู่อาศัย ให้มีความแข็งแรงเพียงพอ ส่วนอาคารสูงเชื่อว่าวิศวกรอาจ
คำนวณความแข็งแรงเผื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวไว้บ้างแล้ว"
นายสมิทธ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ อธิบดีกรมโยธาธิการและ
ผังเมืองเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นอาคารสูงที่มีโครงสร้างในการป้อง
กันแผ่นดินไหวมีเพียงแห่งเดียว คือ อาคารสำนักงานของ
บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เท่านั้น
ด้านผลกระทบที่เกิดในต่างจังหวัดนั้นที่ จ.เชียงใหม่ นายแสงรัตน์
เบญจพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่ เผยว่า
ได้ส่งวิศวกรเข้าตรวจสอบโครงสร้างเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด
และเขื่อน***ัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง
ขึ้นจากแรงสั่นสะเทือนแล้วโดยเบื้องต้นไม่พบความเสียหายที่เกิดจากผล
กระทบของแผ่นดินไหว
ส่วนที่ จ.เชียงราย นายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัด
เชียงรายผู้ว่าฯเชียงราย กล่าวว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมรอบ
พระธาตุเจดีย์จอมกิตติ เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมาและทำ
ให้ยอดฉัตรของพระธาตุจอมกิตติหักลงมานั้น ได้ทำให้อัญมณีแก้ว
"มณีนพเก้า" ซึ่งมีอยู่ 9 เม็ดบนปลายยอดพระธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทาน
จากสมเด็จพระราชินีฯ ในปี 2517 ได้หล่นลงมาด้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่หา
พบเพียงแค่ 3 เม็ดเท่านั้น ส่วนปลายยอดเจดีย์ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่นำ
ไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธพันธ์เชียงแสน พร้อมประสานไปกรมศิลปากรเพื่อ
สำรวจและบูรณะต่อไป อย่างไรก็ตามในช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวราย
งานว่า เจ้าหน้าที่ค้นหา "มณีนพเก้า"พบเพิ่มขึ้นอีก 3 เม็ด จึงเหลืออีก
3 เม็ดที่ยังหาไม่พบ คือ โกเมน มณีแดง และไพฑูรย์
ส่วนที่ อ.เชียงของ ยังพบว่าบ้านเรือนของประชาชน ในเขต ต.เวียง
อ.เชียงของ ที่เป็นตึกแถว เกิดรอยร้าวกว่า 60 หลังคาเรือนที่ อ.เทิง
ยังพบอีกว่าบริเวณพระธาตุจอมจ้อ มีรอยร้ายเกิดขึ้นที่ตัวเจดีย์ ส่วนที่ กิ่ง
อ.ดอยหลวง บ้านเรือนของประชาชน วัด วิหารตามสถานที่ต่างๆ
ได้รับผลกระทบเกิดรอยร้าว เสียหายไป ประมาณ 100,000 กว่าบาท
No comments:
Post a Comment